บทที่13. prepo./adv./adj. in Korean
มาเริ่มกันที่วิธีการทำ V.ให้กลายเป็น Adj.
สำหรับ Action Verb
Avs.+ㄴ/은 = สำหรับ adj ที่เกิดขึ้นในอดีต
Avs.+는 = สำหรับ adj ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
Avs.+ㄹ/을 = สำหรับ adj ที่เกิดขึ้นในอนาคต
ตย.
먹은 것 สิ่งที่กินไปแล้ว
먹는 것 สิ่งที่กินอยู่
먹을 것 สิ่งที่จะกิน
간 사람 คนที่ไปแล้ว
가는 사람 คนที่ไป
갈 사람 คนที่จะไป
มาต่อกันด้วยการเอาDv.มาทำเป็น Adj.
ด้วยว่า Dv. มันไม่สามารถมีอดีตปัจจุบันอนาคตได้ ก้อเลยมีแพทเทิร์นเป็นแบบนี้
Dvs.+ㄴ/은 + N.
ตัวอย่างค่า
잘 생긴 남자 ผู้ชายที่หล่อ
예쁜 선생님 อาจารย์ที่สวย
높은 구두 รองเท้าที่สูง (รองเท้าส้นสูง)
잛은 치마 กระโปรงสั้น
킨 머리 ผมยาว
ค่ะ ต่อไปเป็นการทำ Dv. ให้กลายเป็น Adv. ค่ะ
Dvs.+게 ตามด้วยเวิร์บที่เราต้องการขยาย เป็นอันเรียบร้อย
ตัวอย่างค่ะ
누구든지 한국말을 쉽게 공부할 수 있어요.
ใครๆก็สามารถเรียนภาษาเกาหลีได้ง่ายๆ
늦게 일러났어요. ตื่น(อย่าง)สาย
ค่ะ มาว่ากันเรื่อง Preposition ในเกาหลีมั่ง
อ่า ตามที่อิชั้นเข้าใจแบบปูๆปลาๆนะคะว่า ไอ้ Prepo เนี่ย มันคือพวก in on under at อะไรแบบนี้ (ถ้ายังงัยมีผู้รู้แวะเข้ามาก็ช่วยชี้แนะด้วยนะก๊ะ)
พอมาโยงเข้าเกาหลีมันก้อจะตรงกะเรื่องคำชี้บอกLocation เอาคำศัพท์ไปก่อน อ่ะ
위 (วี) = บน
밑/아래 (มิด/อาแร) = ล่าง
왼쪽 (เวนจก)= ซ้าย
오른쪽 (โอรึนจก) = ขวา
앞 (อับ) = หน้า
뒤 (ทวี) = หลัง
안 = ใน (ในที่กว้างๆ)
속 = ใน (ที่แคบๆ)
밖 (ผัก) = นอก
คำศัพท์บนๆนี้เวลาเอามาแต่งประโยคจะต้องมีคำชี้สถานที่ 에 หรือ 에서 ชี้เสมอนะคะ
ไอ้คำบอกโลเคชั่นพวกนี้ ให้เอาไปไว้หลังที่ที่เราต้องการบ่งชี้นะคะ ตัวอย่าง
지금 우리는 집 밖에 있어요.
(ชีกึม อูรีนึน ชิบ ผักเก อิดซอโย)
ตอนนี้พวกเราอยู่นอกบ้าน
ดูตรง 집 박에 นะคะ บ้าน+นอก= นอกบ้าน에 (ที่นอกบ้าน)
방 안에 = ในห้อง
언니가 방 안에 없어. พี่สาวไม่อยู่ในห้อง
서랍 속에 = ในลิ้นชัก
핸폰이 서랍 속에 있어. โทรศัพท์มือถืออยู่ในลิ้นชัก
마음 속에 = ในใจ
네 마음 속에 너만 있어. ในใจฉันมีแต่เธอ
식탁 위에 = บนโต๊ะอาหาร
돈이 식탁 위에 있어요. เงินอยู่บนโต๊ะอาหารค่ะ
책상 밑에 = ใต้โต๊ะเรียน
고양이 3 마리가 책상 밑에 있어. แมว3ตัวอยู่ใต้โต๊ะเรียน
7-11 앞에 = หน้าเซเว่น
7-11 앞에 무엇이 있어요? มีอะไรที่หน้าเซเว่นหรอคะ
วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
บทที่12. รวบรวมคำชี้ต่างๆในภาษาเกาหลี
บทที่12. รวบรวมคำชี้ต่างๆในภาษาเกาหลี
วันนี้เราจะมาว่ากันถึงเรื่องคำชี้ในภาษาเกาหลีค่ะ ทั้งของเก่าของไม่เก่า
อย่างที่ผ่านๆกันมานะคะ ก็จะเห็นได้ว่าในภาษาเกาหลีนี่คำชี้มีไม่น้อยเลยทีเดียว ตั้งแต่แรกๆที่เจอก็จะมี...
คำชี้ประธาน มี2แบบอีกตังหาก 이/가 กะ 은/는
คำชี้กรรม มีชุดเดียวค่อยยังชั่ว 을/를
ค่ะ อันที่ผ่านมาก็มีเท่านั้น(มั้ง) มาดูกันต่อว่ามีคำชี้อะไรอีกบ้างที่ควรทราบ
คำชี้สถานที่ 에/에서 (เอ/เอซอ)
*วิธีการใช้คำชี้สถานที่ ก็ไม่ยากเลยค่ะ วางไว้หลังสถานที่ที่เราต้องการชี้ การเลือกใช้ 에 หรือ 에서 นั้น ให้ดูตรงกริยาค่ะ
- ถ้ากริยาเป็นกริยาที่มีการเคลื่อนที่ ให้ใช้ 에 ซึ่งจะเป็นการบอกถึงจุดหมายปลายทาง
ตย.V.ที่มีการเคลื่อนที่
가다(ไป)
오다(มา)
나가다 (ออกไป)
뛰어가다(วิ่งไป)
걸어거다(เดินไป)
들어오다(เข้ามา)
돌아오다(กลับมา)
ตย.ประโยคค่ะ
학교에 가요. ไปที่โรงเรียน
공원에 걸어가자. เดินไปสวนสาธารณะกันเถอะ
오빠가 경찰관에 뛰어가요. พี่ชายวิ่งไปที่สถานีตำรวจ
- ถ้าเป็นการบอกถึงที่อยู่ ก็ให้ใช้ 에 ตามหลังสถานที่ค่ะ กริยาในเงื่อนไขนี้มีอยู่ 2 ตัว คือ 있다 และ 없다
ตัวอย่างประโยค
지금은 제 여동생이 백화점에 있어. ตอนนี้น้องสาวอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า
병원이 어디에 있어요? โรงพยาบาลอยู่ที่ไหนคะ
김선생님은 집에 없어요. คุณคิมไม่อยู่บ้าน
*ส่วนคำชี้สถานที่ 에서 นั้น วิธีการใช้ดังนี้ค่ะ
- ใช้บอกสถานที่ เมื่อกริยาเป็นกริยาที่อยู่กับที่ (ทำอยู่ในสถานที่ที่เดียว)
- ใช้บอกที่มา จุดเริ่มต้น มักใช้กับV.왔다 (오다 รูปอดีต)
ตย.ประโยค
수영장에서 수영해요. ว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำ
가게에서 사요. ซื้อที่ร้านค้า
회사에서 일해요. ทำงานที่บริษัท
태국에서 왔어요. มาจากประเทศไทย
어느 별에서 왔니? มาจากดาวไหน?
**สรุป**
- 에 ใช้ชี้สถานที่เพื่อบอกจุดหมายปลายทางและบอกถึงที่อยู่
- 에서 ใช้ชี้สถานที่ที่กระทำกริยาอยู่ในที่ๆเดียว และใช้บอกที่มาว่ามาจากที่ไหน มักใช้กับV.왔다 (오다 รูปอดีต)
- (으)로 เอาไว้ชี้ทิศทาง หรือ บอกถึงวิธีการ ซึ่งจะแปลว่า ด้วย โดย [ถ้านามมีตัวสะกดใส่ 으ก่อนนะคะ]
ตัวอย่างค่ะ
แบบชี้ทิศทาง
이쪽으로 가세요. เชิญไปทางนี้ค่ะ
수와나붐공항으로 오세요. เชิญมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ
แบบบอกวิธีการ
A: 어떻게 갈 거예요? จะไปอย่างไรคะ
B: 비행기로 갈거예요. จะไปโดยเครื่องบินค่ะ
볼펜으로 쓰세요. กรุณาเขียนด้วยปากกา
- 한테 / 에게 / 께 แปลว่าแก แด่ ถึง ประมาณคำว่า for หรือ to ในภาษาปะกิดหน่ะค่ะ 께ใช้กับบุคคลที่เราต้องยกย่องค่ะ
ตย.จ่ะ
강아지한테 밥을 줘요. ให้ข้าว(แก่)ลูกหมา
진구에게 편지를 보냈어요. ส่งจดหมายถึงเพื่อน
어머님께 돈을 드리다.ให้เงินแก่คุณแม่
- 도 ใช้ตามหลังนามนะคะ แปลว่า"ด้วย" ใช้เมื่ออิงถึงประโยคก่อนหน้าอ่ะคะ แบบมีอะไรที่เหมือนกันก้อ...ด้วย
ดูตัวอย่างดีกว่าแฮะ
A: 저는 한국어를 좋아해. ฉันชอบภาษากาหลี
B: 나도 한국어 좋아해요. ฉันก็ชอบภาษาเกาหลี
수박을 좋아해요.ชอบแตงโม
사과도 좋아해요.ชอบองุ่นด้วย
집을 살 거예요. จะซื้อบ้าน
차도 살 거예요. จะซื้อรถด้วย
준기를 사랑해. loveจุนกี
래원도 사랑해요~ loveแรวอนด้วย (แฮ่ะๆ)
지섭도 사랑해요~ loveจีซอบด้วยยยย
รู้สึกว่าคำอธิบายงงนิดๆ เลยให้ตัวอย่างเยอะๆค่ะ
พอใช้도แล้วไม่ต้องมี이가은는을를แล้วนะจ๊ะ
วันนี้เราจะมาว่ากันถึงเรื่องคำชี้ในภาษาเกาหลีค่ะ ทั้งของเก่าของไม่เก่า
อย่างที่ผ่านๆกันมานะคะ ก็จะเห็นได้ว่าในภาษาเกาหลีนี่คำชี้มีไม่น้อยเลยทีเดียว ตั้งแต่แรกๆที่เจอก็จะมี...
คำชี้ประธาน มี2แบบอีกตังหาก 이/가 กะ 은/는
คำชี้กรรม มีชุดเดียวค่อยยังชั่ว 을/를
ค่ะ อันที่ผ่านมาก็มีเท่านั้น(มั้ง) มาดูกันต่อว่ามีคำชี้อะไรอีกบ้างที่ควรทราบ
คำชี้สถานที่ 에/에서 (เอ/เอซอ)
*วิธีการใช้คำชี้สถานที่ ก็ไม่ยากเลยค่ะ วางไว้หลังสถานที่ที่เราต้องการชี้ การเลือกใช้ 에 หรือ 에서 นั้น ให้ดูตรงกริยาค่ะ
- ถ้ากริยาเป็นกริยาที่มีการเคลื่อนที่ ให้ใช้ 에 ซึ่งจะเป็นการบอกถึงจุดหมายปลายทาง
ตย.V.ที่มีการเคลื่อนที่
가다(ไป)
오다(มา)
나가다 (ออกไป)
뛰어가다(วิ่งไป)
걸어거다(เดินไป)
들어오다(เข้ามา)
돌아오다(กลับมา)
ตย.ประโยคค่ะ
학교에 가요. ไปที่โรงเรียน
공원에 걸어가자. เดินไปสวนสาธารณะกันเถอะ
오빠가 경찰관에 뛰어가요. พี่ชายวิ่งไปที่สถานีตำรวจ
- ถ้าเป็นการบอกถึงที่อยู่ ก็ให้ใช้ 에 ตามหลังสถานที่ค่ะ กริยาในเงื่อนไขนี้มีอยู่ 2 ตัว คือ 있다 และ 없다
ตัวอย่างประโยค
지금은 제 여동생이 백화점에 있어. ตอนนี้น้องสาวอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า
병원이 어디에 있어요? โรงพยาบาลอยู่ที่ไหนคะ
김선생님은 집에 없어요. คุณคิมไม่อยู่บ้าน
*ส่วนคำชี้สถานที่ 에서 นั้น วิธีการใช้ดังนี้ค่ะ
- ใช้บอกสถานที่ เมื่อกริยาเป็นกริยาที่อยู่กับที่ (ทำอยู่ในสถานที่ที่เดียว)
- ใช้บอกที่มา จุดเริ่มต้น มักใช้กับV.왔다 (오다 รูปอดีต)
ตย.ประโยค
수영장에서 수영해요. ว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำ
가게에서 사요. ซื้อที่ร้านค้า
회사에서 일해요. ทำงานที่บริษัท
태국에서 왔어요. มาจากประเทศไทย
어느 별에서 왔니? มาจากดาวไหน?
**สรุป**
- 에 ใช้ชี้สถานที่เพื่อบอกจุดหมายปลายทางและบอกถึงที่อยู่
- 에서 ใช้ชี้สถานที่ที่กระทำกริยาอยู่ในที่ๆเดียว และใช้บอกที่มาว่ามาจากที่ไหน มักใช้กับV.왔다 (오다 รูปอดีต)
- (으)로 เอาไว้ชี้ทิศทาง หรือ บอกถึงวิธีการ ซึ่งจะแปลว่า ด้วย โดย [ถ้านามมีตัวสะกดใส่ 으ก่อนนะคะ]
ตัวอย่างค่ะ
แบบชี้ทิศทาง
이쪽으로 가세요. เชิญไปทางนี้ค่ะ
수와나붐공항으로 오세요. เชิญมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ
แบบบอกวิธีการ
A: 어떻게 갈 거예요? จะไปอย่างไรคะ
B: 비행기로 갈거예요. จะไปโดยเครื่องบินค่ะ
볼펜으로 쓰세요. กรุณาเขียนด้วยปากกา
- 한테 / 에게 / 께 แปลว่าแก แด่ ถึง ประมาณคำว่า for หรือ to ในภาษาปะกิดหน่ะค่ะ 께ใช้กับบุคคลที่เราต้องยกย่องค่ะ
ตย.จ่ะ
강아지한테 밥을 줘요. ให้ข้าว(แก่)ลูกหมา
진구에게 편지를 보냈어요. ส่งจดหมายถึงเพื่อน
어머님께 돈을 드리다.ให้เงินแก่คุณแม่
- 도 ใช้ตามหลังนามนะคะ แปลว่า"ด้วย" ใช้เมื่ออิงถึงประโยคก่อนหน้าอ่ะคะ แบบมีอะไรที่เหมือนกันก้อ...ด้วย
ดูตัวอย่างดีกว่าแฮะ
A: 저는 한국어를 좋아해. ฉันชอบภาษากาหลี
B: 나도 한국어 좋아해요. ฉันก็ชอบภาษาเกาหลี
수박을 좋아해요.ชอบแตงโม
사과도 좋아해요.ชอบองุ่นด้วย
집을 살 거예요. จะซื้อบ้าน
차도 살 거예요. จะซื้อรถด้วย
준기를 사랑해. loveจุนกี
래원도 사랑해요~ loveแรวอนด้วย (แฮ่ะๆ)
지섭도 사랑해요~ loveจีซอบด้วยยยย
รู้สึกว่าคำอธิบายงงนิดๆ เลยให้ตัวอย่างเยอะๆค่ะ
พอใช้도แล้วไม่ต้องมี이가은는을를แล้วนะจ๊ะ
บทที่11. 숫자...มาว่ากันด้วยเรื่องตัวเลขที่ใช้ในเกาหลี
บทที่11. 숫자...มาว่ากันด้วยเรื่องตัวเลขที่ใช้ในเกาหลี
อย่างที่หลายๆท่านคงจะทราบกันอยู่แล้วว่าเกาหลีนั้นใช้ตัวเลข2อย่างในชีวิตประจำวัน ได้แก่
1. เลขเกาหลี
2. เลขจีน
ค่อยๆว่ากันที่ละอย่างนะคะ เริ่มด้วยเลขเกาหลีก่อน นับอย่างนี้ค่ะ
1 하나 (ฮา-นา)
2 둘 (ทุล)
3 셋 (เซ็ด)
4 넷 (เน็ด)
5 다섯 (ทา-ซ็อด)
6 여섯 (ยอ-ซ็อด)
7 일곱 (อิล-กบ)
8 여덟 (ยอ-ดอล)
9 아홉 (อา-ฮบ)
10 열 (ยอล)
หมายเหตุ : เวลานำมาใช้จริง เลข1,2,3,4 จะมีการลดรูปกลายเป็น
*1 한
**2 두
***3 세
****4 네
และในการนับ 20 30 40 ....90 แบบเลขเกาหลีนั้น จะต้องจำต่างหาก (คือไม่สามารถเอา2(둘)กะ10(열)มารวมเป็นยี่สิบได้) ดังต่อไปนี้ค่ะ
20 스물
30 서른
40 마흔
50 쉰
60 예순
70 일흔
80 여든
90 아흔
ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เอาเข้าจริงๆไม่ค่อยได้ใช้ค่ะ ที่ใช้บ่อยที่สุดก็บอกอายุค่ะ ^^
อีกอย่างก็คือ เลขเกาหลีมีถึง 99 เท่านั้นค่ะ ถ้า 100 ขึ้นไปก็ใช้เลขจีน
เลขเกาหลีจะใช้กับ
1. นับจำนวน ใช้ร่วมกับคำลักษณะนามทั่วๆไป
ลักษณะนามในภาษาเกาหลีที่ควรทราบ
개 ชิ้น ผล อัน ใบ ตัว(สิ่งของเท่านั้น)
잔 แก้ว ถ้วย
병 ขวด
명/사람/분 คน/คน/ท่าน(สุภาพกว่าคน)
마리 ตัว(มีชีวิต)
살 ปี(อายุ)
장 แผ่น/ใบ(ในลักษณะกระดาษ)
วิธีการนับจำนวนในภาษาเกาหลีนั้น จะเรียงเหมือนไทยค่ะ
ตัวอย่าง
นักเรียน 5 คน
학생(นักเรียน) 다섯(5) 사람(คน<ลักษณะนาม>)
กาแฟ 2 ถ้วย
커피 한 잔
เก้าอี้ 3 ตัว
의자 세 개
ช้าง 2 เชือก(ตัวแบบมีชีวิต)
코끼리 두 마리
ใครดูฟุลเฮาส์แล้วบ้าง? จำเพลงหมี3ตัวที่นางเอกร้องได้มั้ยคะ
곰 세 마리가 한 집에 있어... ใช้ได้เลยทีเดียว
곰 세 마리 = หมี3ตัว (가 เป็นตัวชี้ประธาน จำกันได้เนาะ)
한 집에 있어 = อยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง (한 집=1บ้าน=บ้านหลัง1)
ส่วนประโยคเอาตัวรอดที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาตรงนี้ก็อย่างเช่น
물 한 병 주세요. ขอน้ำขวดนึงค่ะ
(ถ้าเราจะไม่ใส่คำลักษณะนามก็ได้ แต่ตัวเลขนั้นให้ใช้รูปเต็ม)
녹차 하나 커피 둘 주세요. ขอชาเขียว1 กาแฟ2ค่ะ (ภาษาไทยบางทีเราก็พูดงี้เหมือนกัน ง่ายก่า)
밥 일곱 인분 주세요. ขอข้าวเจ็ดที่ค่ะ
제 나이는 스물네 살이에요. ฉันอายุ24ปี (나이=อายุ)
2. ใช้บอกเวลาในส่วนของหลักชั่วโมง
คือในการบอกเวลาเนี่ย มันมีหลักชัวโมงกะหลักนาทีใช่ป่ะคะ หลักชั่วโมงใช้เลขเกาหลี ส่วนหลักนาทีใช่เลขจีนค่ะ
(เลขเกาหลี)시 (เลขจีน)분 = ...โมง...นาที
ตัวอย่างเบๆ
한시 = 1นาฬิกา (อาจจะบ่ายโมงหรือตีหนึ่งขึ้นอยู่กะบริบท)
두시
세시
.
.
열시
열한시
열두시
ว่ากันต่อในเรื่องตัวเลขนะคะ บทนี้จะพูดถึงเรื่องเลขจีนค่ะ
อันนี้ไว้ท่อง
공 (คง) 0 (ส่วนมากไว้ใช้บอกเบอร์โท เบอห้อง เบอร์นู่นนี่)
일 (อิล) 1
이 (อี) 2
삼 (ซัม) 3
사 (ซา) 4
오 (โอ) 5
육 (ยุก) 6
칠 (ชิ่ล) 7
팔 (พั่ล) 8
구 (คู) 9
십 (ชิบ) 10
백 (แพก) ร้อย
천 (ชอน) พัน
만 (มัน) หมื่น
เราจะใช้กันตอนไหนบ้าง? ก็อะไรที่ไม่ใช้ตัวเลขเกาหลีก็จะใช้เลขจีนหมดเลข listให้นะคะ
1. บอกวันเดือนปี
2. บอกจำนวนเงิน
3. บอกเบอร์หรือหมายเลขต่างๆ เช่น เบอร์โทร เบอร์ห้อง เบอร์รถเมล์
4. บอกเวลาในหน่วยนาที (ต่อจากบทต้น)
5. บอกจำนวนที่ลักษณะนามเป็นคำทับศัพท์ เช่น กก. กม. ซม.
เริ่มที่การบอกวันเดือนปีค่ะ คนเกาหลีเค้าจะเรียงจากหลักใหญ่ไปหลักเล็ก ก้อเลยต้องเป็น ปี เดือน วันที่ วัน นะคะ
...년 ...월 ...일 = ปี.... เดือน.... วันที่ .... (ตรงจุดๆก็ใส่ตัวเลขจีนตามต้องการค่ะ)
คำศัพท์ตรงนี้
년 ปี
월 เดือน (บางทีอาจเห็นใช้ 달/월달)
일 วันที่
เพิ่มคำศัพท์วันทั้ง7
일요일 วันอาทิตย์
월요일 วันจันทร์
화요일 วันอังคาร
수요일 วันพุธ
목요일 วันพฤหัส
금요일 วันศุกร์
토요일 วันเสาร
ส่วนเดือนทั้ง12เดือนนั้น เค้านับเป็นเดือน1เดือน2จนถึงเดือน12 ไม่มีชื่อเดือนเหมือนมกรา กุมภา ของไทย ก็ตามนี้ค่ะ
일월 มกรา
이월 กุมภา
삼월 มีนา
사월 เมษา
오월 พฤษภา
*유월 มิถุนา
칠월 กรกฏา
팔월 สิงหา
구월 กันยา
*시월 ตุลา
십일월 พฤศจิกา
십이월 ธันวา
ปล.ที่มี*คือเดือนที่มีการตัดตัวสะกดตัวเลขออก
ตัวอย่างพื้นฐานการบอกวันที่ค่ะ
오늘은 2007년 4월 7일 토요일입니다.
(โอนึรึล อีช้อนชิลนยอน ซาวอล ชิลอิล โทโยอิลอิมนีดะ)
วันนี้คือวันเสาร์ที่7 เมษา 2007 (เกาหลีนับปีตามสากลค่ะ)
내 생일은 11월 12일입니다.
(แน แซงอิลรึน ชิบอิลวอล ชิบอีอิลอิมนีดะ)
วันเกิดของฉันคือวันที่12 พย.
ก็แนวนี้ค่ะ ที่อยากจะบอกก็เหมือนๆเดิมคือลองเอาไปอะเด๊ปใช้กันนะคะ
เรื่องบอกจำนวนเงินนี่สอนไปไม่รู้จะได้ใช้กันรึป่าว แต่ก็เอาซะหน่อยละกันเนาะ
เกาหลีมีหลักนับสูงสุดคือหมื่นนะคะ
ถ้าหลักมากกว่านั้นให้ใช้หมื่นเป็นหลัก อย่างเช่น
100,000 = 10หมื่น = 십만
1,000,000 = 100หมื่น = 백만
หลักสิบล้านร้อยล้านยังไม่สอนละกันค่ะ (ใครอยากรู้ค่อยโพสถามนะเคอะ)
내 핸폰이 520,920월이구요.
520,920 = 오십이만(ห้าสิบสองหมื่น)구백(เก้าร้อย)이십(ยี่สิบ)
520,920원 = 오십이만구백이십원
แปล = มือถือชั้นห้าแสนเก้าร้อยยี่สิบวอนเชียวนะ
ต่อมาคือการบอกเบอร์ต่างๆค่ะ
가 : 전화번호 뭐요? เบอร์โทรเบอร์อะไรหรอ?
나: 081-0000000 คง พัล อิล เอ คง คง คง คง คง คง คง (ไปเปลี่ยนเองตามสถานการณ์นะเคอะ)
ในเรื่องของเวลาก็อย่างที่สอนไปในบทต้นนิดนึงแล้ว ว่าบอกหน่วยชั่งโมงใช้เลขเกาหลี หน่วยนาทีใช้เลขจีน แพทเทิร์นเป็นงี้ค่ะ
เลขเกาหลี시 เลขจีน분
ตัวอย่างนิดๆหน่อยๆ
2시 15분 (ทูชี ชิบโอบุน) 2.15น.
10시 20분 (ยอลชี อีชิบบุน) 10.20น.
12시 45분 (ยอลทูชี ซาชิบโอบุน) 12.45น.
**เพิ่มเติมนิดนึงค่ะ เกาหลีก็มีคำว่า"ครึ่ง" ในการบอกเวลาเหมือนกันค่ะ นั่นคือคำว่า"반" ใช้แทน "30분" หรือ30นาทีได้เลยในภาษาพูด**
3시 반 (เซชีพัน) 3โมงครึ่ง
6시 반 (ทาส็อดชีพัน) 6โมงครึ่ง
9시 반 (อาหบชีพัน) 9โมงครึ่ง
การนับเวลาของเกาหลีนั้นเค้าจะใช้อิงสากลค่ะ คือมีแค่1-12นาฬิกา ดังนั้นเพื่อป้องกันการสับสนก็เลยจำเป็นจะต้องมีคำบอกช่วงเวลาซะหน่อย(หลายคำอยู่เหมือนกัน)
새벽 ช่วงรุ่งสาง ประมาณตี1-ก่อน6โมงเช้า
아침 ช่วงเช้า
오전 ช่วงสาย
정오 ช่วงเที่ยง
오후 ช่วงบ่าย
저녁 ช่วงเย็นๆ-ค่ำๆ
밤 ช่วงกลางคืน
ใช้ตามความรู้สึกเลยค่ะ ไม่ต้องคิดมาก ^^* เวลาใช้ก็เรียงจากใหญ่ๆไปหาเล็กๆเช่นเคยค่ะ ช่วงเวลา+ชั่วโมง+นาที
มาดูตัวอย่างกันเต็มๆนะคะ
요즘은 새벽 2시까지 일해요. ช่วงนี้ทำงานจนถึงตีสอง
요즘 = ช่วงนี้ หมู่นี้
...까지 = จนกระทั่ง... ,ถึง...
내일 10시반에 같이 만날까요? พรุ่งนี้พบกัน10โมงครึ่งดีมั้ย?
내일 พรุ่งนี้
같이 ด้วยกัน
토요일 아침 8시. 8โมงเช้าวันอังคาร
ตรงนี้ให้ลองหัดอ่านไปด้วยนะคะ จะได้ชินว่าตรงไหนใช้เลขอะไร ส่วนใครที่ไม่ได้ใช้ก็ดูไว้เป็นความรู้นะจ๊ะ
และสุดท้ายของเรื่องเลขจีน คือการบอกจำนวนซึ่งใช้ลักษณะนามที่เป็นคำยืม ดูตัวอย่างกัน
제 몸무게는 48킬로그램이에요. ฉันหนัก48กิโลกรัม
몸무게 = น้ำหนัก
너 몸무게 몇 킬로야? เธอหนักกี่กิโล (ภาษาไม่มีพิธีตองนะก๊ะ อย่าเผลอไปถามคนไม่สนิทเชียว)
몇 = กี่ เท่าไหร่ (몇+ลักษณะนาม)
อย่างที่หลายๆท่านคงจะทราบกันอยู่แล้วว่าเกาหลีนั้นใช้ตัวเลข2อย่างในชีวิตประจำวัน ได้แก่
1. เลขเกาหลี
2. เลขจีน
ค่อยๆว่ากันที่ละอย่างนะคะ เริ่มด้วยเลขเกาหลีก่อน นับอย่างนี้ค่ะ
1 하나 (ฮา-นา)
2 둘 (ทุล)
3 셋 (เซ็ด)
4 넷 (เน็ด)
5 다섯 (ทา-ซ็อด)
6 여섯 (ยอ-ซ็อด)
7 일곱 (อิล-กบ)
8 여덟 (ยอ-ดอล)
9 아홉 (อา-ฮบ)
10 열 (ยอล)
หมายเหตุ : เวลานำมาใช้จริง เลข1,2,3,4 จะมีการลดรูปกลายเป็น
*1 한
**2 두
***3 세
****4 네
และในการนับ 20 30 40 ....90 แบบเลขเกาหลีนั้น จะต้องจำต่างหาก (คือไม่สามารถเอา2(둘)กะ10(열)มารวมเป็นยี่สิบได้) ดังต่อไปนี้ค่ะ
20 스물
30 서른
40 마흔
50 쉰
60 예순
70 일흔
80 여든
90 아흔
ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เอาเข้าจริงๆไม่ค่อยได้ใช้ค่ะ ที่ใช้บ่อยที่สุดก็บอกอายุค่ะ ^^
อีกอย่างก็คือ เลขเกาหลีมีถึง 99 เท่านั้นค่ะ ถ้า 100 ขึ้นไปก็ใช้เลขจีน
เลขเกาหลีจะใช้กับ
1. นับจำนวน ใช้ร่วมกับคำลักษณะนามทั่วๆไป
ลักษณะนามในภาษาเกาหลีที่ควรทราบ
개 ชิ้น ผล อัน ใบ ตัว(สิ่งของเท่านั้น)
잔 แก้ว ถ้วย
병 ขวด
명/사람/분 คน/คน/ท่าน(สุภาพกว่าคน)
마리 ตัว(มีชีวิต)
살 ปี(อายุ)
장 แผ่น/ใบ(ในลักษณะกระดาษ)
วิธีการนับจำนวนในภาษาเกาหลีนั้น จะเรียงเหมือนไทยค่ะ
ตัวอย่าง
นักเรียน 5 คน
학생(นักเรียน) 다섯(5) 사람(คน<ลักษณะนาม>)
กาแฟ 2 ถ้วย
커피 한 잔
เก้าอี้ 3 ตัว
의자 세 개
ช้าง 2 เชือก(ตัวแบบมีชีวิต)
코끼리 두 마리
ใครดูฟุลเฮาส์แล้วบ้าง? จำเพลงหมี3ตัวที่นางเอกร้องได้มั้ยคะ
곰 세 마리가 한 집에 있어... ใช้ได้เลยทีเดียว
곰 세 마리 = หมี3ตัว (가 เป็นตัวชี้ประธาน จำกันได้เนาะ)
한 집에 있어 = อยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง (한 집=1บ้าน=บ้านหลัง1)
ส่วนประโยคเอาตัวรอดที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาตรงนี้ก็อย่างเช่น
물 한 병 주세요. ขอน้ำขวดนึงค่ะ
(ถ้าเราจะไม่ใส่คำลักษณะนามก็ได้ แต่ตัวเลขนั้นให้ใช้รูปเต็ม)
녹차 하나 커피 둘 주세요. ขอชาเขียว1 กาแฟ2ค่ะ (ภาษาไทยบางทีเราก็พูดงี้เหมือนกัน ง่ายก่า)
밥 일곱 인분 주세요. ขอข้าวเจ็ดที่ค่ะ
제 나이는 스물네 살이에요. ฉันอายุ24ปี (나이=อายุ)
2. ใช้บอกเวลาในส่วนของหลักชั่วโมง
คือในการบอกเวลาเนี่ย มันมีหลักชัวโมงกะหลักนาทีใช่ป่ะคะ หลักชั่วโมงใช้เลขเกาหลี ส่วนหลักนาทีใช่เลขจีนค่ะ
(เลขเกาหลี)시 (เลขจีน)분 = ...โมง...นาที
ตัวอย่างเบๆ
한시 = 1นาฬิกา (อาจจะบ่ายโมงหรือตีหนึ่งขึ้นอยู่กะบริบท)
두시
세시
.
.
열시
열한시
열두시
ว่ากันต่อในเรื่องตัวเลขนะคะ บทนี้จะพูดถึงเรื่องเลขจีนค่ะ
อันนี้ไว้ท่อง
공 (คง) 0 (ส่วนมากไว้ใช้บอกเบอร์โท เบอห้อง เบอร์นู่นนี่)
일 (อิล) 1
이 (อี) 2
삼 (ซัม) 3
사 (ซา) 4
오 (โอ) 5
육 (ยุก) 6
칠 (ชิ่ล) 7
팔 (พั่ล) 8
구 (คู) 9
십 (ชิบ) 10
백 (แพก) ร้อย
천 (ชอน) พัน
만 (มัน) หมื่น
เราจะใช้กันตอนไหนบ้าง? ก็อะไรที่ไม่ใช้ตัวเลขเกาหลีก็จะใช้เลขจีนหมดเลข listให้นะคะ
1. บอกวันเดือนปี
2. บอกจำนวนเงิน
3. บอกเบอร์หรือหมายเลขต่างๆ เช่น เบอร์โทร เบอร์ห้อง เบอร์รถเมล์
4. บอกเวลาในหน่วยนาที (ต่อจากบทต้น)
5. บอกจำนวนที่ลักษณะนามเป็นคำทับศัพท์ เช่น กก. กม. ซม.
เริ่มที่การบอกวันเดือนปีค่ะ คนเกาหลีเค้าจะเรียงจากหลักใหญ่ไปหลักเล็ก ก้อเลยต้องเป็น ปี เดือน วันที่ วัน นะคะ
...년 ...월 ...일 = ปี.... เดือน.... วันที่ .... (ตรงจุดๆก็ใส่ตัวเลขจีนตามต้องการค่ะ)
คำศัพท์ตรงนี้
년 ปี
월 เดือน (บางทีอาจเห็นใช้ 달/월달)
일 วันที่
เพิ่มคำศัพท์วันทั้ง7
일요일 วันอาทิตย์
월요일 วันจันทร์
화요일 วันอังคาร
수요일 วันพุธ
목요일 วันพฤหัส
금요일 วันศุกร์
토요일 วันเสาร
ส่วนเดือนทั้ง12เดือนนั้น เค้านับเป็นเดือน1เดือน2จนถึงเดือน12 ไม่มีชื่อเดือนเหมือนมกรา กุมภา ของไทย ก็ตามนี้ค่ะ
일월 มกรา
이월 กุมภา
삼월 มีนา
사월 เมษา
오월 พฤษภา
*유월 มิถุนา
칠월 กรกฏา
팔월 สิงหา
구월 กันยา
*시월 ตุลา
십일월 พฤศจิกา
십이월 ธันวา
ปล.ที่มี*คือเดือนที่มีการตัดตัวสะกดตัวเลขออก
ตัวอย่างพื้นฐานการบอกวันที่ค่ะ
오늘은 2007년 4월 7일 토요일입니다.
(โอนึรึล อีช้อนชิลนยอน ซาวอล ชิลอิล โทโยอิลอิมนีดะ)
วันนี้คือวันเสาร์ที่7 เมษา 2007 (เกาหลีนับปีตามสากลค่ะ)
내 생일은 11월 12일입니다.
(แน แซงอิลรึน ชิบอิลวอล ชิบอีอิลอิมนีดะ)
วันเกิดของฉันคือวันที่12 พย.
ก็แนวนี้ค่ะ ที่อยากจะบอกก็เหมือนๆเดิมคือลองเอาไปอะเด๊ปใช้กันนะคะ
เรื่องบอกจำนวนเงินนี่สอนไปไม่รู้จะได้ใช้กันรึป่าว แต่ก็เอาซะหน่อยละกันเนาะ
เกาหลีมีหลักนับสูงสุดคือหมื่นนะคะ
ถ้าหลักมากกว่านั้นให้ใช้หมื่นเป็นหลัก อย่างเช่น
100,000 = 10หมื่น = 십만
1,000,000 = 100หมื่น = 백만
หลักสิบล้านร้อยล้านยังไม่สอนละกันค่ะ (ใครอยากรู้ค่อยโพสถามนะเคอะ)
내 핸폰이 520,920월이구요.
520,920 = 오십이만(ห้าสิบสองหมื่น)구백(เก้าร้อย)이십(ยี่สิบ)
520,920원 = 오십이만구백이십원
แปล = มือถือชั้นห้าแสนเก้าร้อยยี่สิบวอนเชียวนะ
ต่อมาคือการบอกเบอร์ต่างๆค่ะ
가 : 전화번호 뭐요? เบอร์โทรเบอร์อะไรหรอ?
나: 081-0000000 คง พัล อิล เอ คง คง คง คง คง คง คง (ไปเปลี่ยนเองตามสถานการณ์นะเคอะ)
ในเรื่องของเวลาก็อย่างที่สอนไปในบทต้นนิดนึงแล้ว ว่าบอกหน่วยชั่งโมงใช้เลขเกาหลี หน่วยนาทีใช้เลขจีน แพทเทิร์นเป็นงี้ค่ะ
เลขเกาหลี시 เลขจีน분
ตัวอย่างนิดๆหน่อยๆ
2시 15분 (ทูชี ชิบโอบุน) 2.15น.
10시 20분 (ยอลชี อีชิบบุน) 10.20น.
12시 45분 (ยอลทูชี ซาชิบโอบุน) 12.45น.
**เพิ่มเติมนิดนึงค่ะ เกาหลีก็มีคำว่า"ครึ่ง" ในการบอกเวลาเหมือนกันค่ะ นั่นคือคำว่า"반" ใช้แทน "30분" หรือ30นาทีได้เลยในภาษาพูด**
3시 반 (เซชีพัน) 3โมงครึ่ง
6시 반 (ทาส็อดชีพัน) 6โมงครึ่ง
9시 반 (อาหบชีพัน) 9โมงครึ่ง
การนับเวลาของเกาหลีนั้นเค้าจะใช้อิงสากลค่ะ คือมีแค่1-12นาฬิกา ดังนั้นเพื่อป้องกันการสับสนก็เลยจำเป็นจะต้องมีคำบอกช่วงเวลาซะหน่อย(หลายคำอยู่เหมือนกัน)
새벽 ช่วงรุ่งสาง ประมาณตี1-ก่อน6โมงเช้า
아침 ช่วงเช้า
오전 ช่วงสาย
정오 ช่วงเที่ยง
오후 ช่วงบ่าย
저녁 ช่วงเย็นๆ-ค่ำๆ
밤 ช่วงกลางคืน
ใช้ตามความรู้สึกเลยค่ะ ไม่ต้องคิดมาก ^^* เวลาใช้ก็เรียงจากใหญ่ๆไปหาเล็กๆเช่นเคยค่ะ ช่วงเวลา+ชั่วโมง+นาที
มาดูตัวอย่างกันเต็มๆนะคะ
요즘은 새벽 2시까지 일해요. ช่วงนี้ทำงานจนถึงตีสอง
요즘 = ช่วงนี้ หมู่นี้
...까지 = จนกระทั่ง... ,ถึง...
내일 10시반에 같이 만날까요? พรุ่งนี้พบกัน10โมงครึ่งดีมั้ย?
내일 พรุ่งนี้
같이 ด้วยกัน
토요일 아침 8시. 8โมงเช้าวันอังคาร
ตรงนี้ให้ลองหัดอ่านไปด้วยนะคะ จะได้ชินว่าตรงไหนใช้เลขอะไร ส่วนใครที่ไม่ได้ใช้ก็ดูไว้เป็นความรู้นะจ๊ะ
และสุดท้ายของเรื่องเลขจีน คือการบอกจำนวนซึ่งใช้ลักษณะนามที่เป็นคำยืม ดูตัวอย่างกัน
제 몸무게는 48킬로그램이에요. ฉันหนัก48กิโลกรัม
몸무게 = น้ำหนัก
너 몸무게 몇 킬로야? เธอหนักกี่กิโล (ภาษาไม่มีพิธีตองนะก๊ะ อย่าเผลอไปถามคนไม่สนิทเชียว)
몇 = กี่ เท่าไหร่ (몇+ลักษณะนาม)
บทที่ 10. แกรมม่าในเพลงเกาหลี (Never say goodbye)
บทที่ 10. แกรมม่าในเพลงเกาหลี (Never say goodbye)
วันนี้หยิบ My Girl-Ost มานะคะ เครดิตจาก http://www.popcornfor2.com/music/k_s_mygirl2.php
เราจะมาดูเฉพาะท่อนฮุคตรงที่ผู้หญิงร้องค่ะ (ท่อนแร็พยังร้องไม่ทัน และถ้าบรรยายทั้งเพลงอาจจะใช้เวลาหลายวันเลยทีเดียว)
if you go away
you will see me cry
don't you let me go
baby don't you let me down
늘 함께 있어도 더 가깝지 않은
นึล ฮัม-เก อิด-ซอ-โด ทอ กา-คับ-จี อัน-ฮึน
어떤 의미도 없는 진부한 사랑
ออ-ทอน อึย-มี-โด ออป-นึน จิน-พู-ฮัน ซา-รัง
don't you let me go
baby don't you let me down
you never say good bye
한동안 멍하니 우두커니 앉아
ฮัน-โด-งัน มอง-ฮา-นี อู-ทู-คอ-นี อัน-จา
다시 생각했지만
ทา-ซี เซง-คัก-เฮด-จี-มัน
멈출 순 없겠어
มอม-ชุล ซุน ออป-เกด-ซอ
온통 그대 생각 할 수밖에 없는
อน-ทง คือ-เท เซง-กัก ฮัล ซู-พัก-เก ออป-นึน
내 자신이 미워
เน จา-ซี-นี มี-วอ
don't you let me go
baby don't you let me down
นับแล้วมี 7 ประโยคเอง มาดูกันเลยค่ะ
ประโยคที่1
늘 함께 있어도 더 가깝지 않은
แม้ว่าอยู่ด้วยกันเสมอก็ไม่ใกล้ไปกว่านี้
อธิบาย
늘 = เสมอ เป็นประจำ
함께 = ด้วยกัน
있어도 = 있다 (มี/อยู่) ผันแบบ 요 form แล้วเข้าแกรมม่า ...도 (เวลาเอาไปเข้าแกรมม่าเพื่อเชื่อมประโยคก็จะเอา요 ออกไปแล้วเอาตัวเชื่อมมาวางตรงกลาง)
แกรมม่า 도
โดยปกติแล้ว 도 จะแปลว่าด้วย ใช้ตามหลังนามเพื่ออิงประโยคก่อนหน้าว่า ...ด้วย(เหมือนกัน) อธิบายอย่างงี้งงมั้ย ดูตัวอย่างประโยคดีกว่าค่ะ
나는 영어를 좋아해요. ฉันชอบภาษาอังกฤษ
한국어도 좋아해요. (และฉันก็)ชอบภาษาเกาหลีด้วย
***แต่คำว่า도 ในประโยคนี้ไม่ได้แปลว่าด้วยนะคะ ถ้าอยู่กลางประโยค (ตามหลังกริยา) แบบนี้จะแปลได้ว่า ถึงแม้ว่า(ประโยคหน้า)ก็(ประโยคหลัง)
ถึงแม้ว่า (ประโยคหน้า = อยู่ด้วยกันเสมอ) ก็ (ประโยคหลัง = ไม่ใกล้กันมากไปกว่านี้)
더 가깝지 않은
ไม่ใกล้มากไปกว่านี้
더 = กว่า
가깝다 = ใกล้
Vst+지 않다 = ปฏิเสธกริยา แปลว่า ไม่V.นั้นๆ
ตัวอย่าง แกรมม่า - 지 않다
가깝지 않다 = ไม่ใกล้ (가깝다=ใกล้)
예쁘지 않다 = ไม่สวย (예쁘다=สวย)
말하지 않다 = ไม่พูด (말하다=พูด)
ประโยคที่2
어떤 의미도 없는 진부한 사랑
รักเก่าเก็บที่ไม่มีความหมายอะไร
어떤 = ใด ไหน อะไร
의미 = ความหมาย
어떤 의미 = ความหมายใดๆ
진부하다 = เก่าแก่ เก่าเก็บ คร่ำครึ ล้าสมัย
사랑 = ความรัก
진부한 사랑 = ความรักเก่าๆแก่ๆ
ตรง진부하다 ที่กลายมาเป็น 진부한 นั่นคือการเปลี่ยน V. ให้กลายเป็น Adj/Adv
วิธีทำ V ให้กลายเป็น adj/adv ในลักษณะนี้คือ เอาVst. มาเติมㄴเป็นตัวสะกด แล้ววางไว้หน้านามที่เราจะขยาย
ประโยคที่3
한동안 멍하니 우두커니 앉아
นั่งใจลอยๆอยู่พักนึง
อธิบาย
한동안 = ช่วงเวลาหนึ่ง ระยะเวลาสั้นๆ
(한=หนึ่ง/동안=ช่วงเวลา)
멍하니= ใจลอย
어두커니 = ใจลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เคลิ้ม
앉아 = นั่ง (มาจาก V.앉다 นำมาผันแบบ 요form แล้วเอา요ออกเพื่อต่อประโยคค่ะ)
ประโยคที่4
다시 생각했지만
คิดอีกครั้ง แต่ก็...
อธิบาย
다시 = อีกครั้ง
생각하다 = คิด
그렇지만 = แต่ว่า
ในประโยคนี้นำ 생각하다 มาผันให้อยู่ในรูปอดีต(ยังไม่ได้สอน) จะได้เป็น 생각했다 ตัด 다 ทิ้งไปเพื่อใส่คำเชื่อม 지만 (แต่)
คำว่า 그렇지만 (แต่) เป็นคำเต็มๆ ถ้าจะใช้คือเอาไว้ขึ้นประโยคใหม่ แต่ถ้าจะเอามาเชื่อมตรงกลางให้มันขัดแย้งกันก้อเอาแค่คำว่า지만 มาใช้แบบในเพลงนะคะ
ประโยคที่5
멈출 순 없겠어
มันก็หยุดไม่ได้
อธิบาย
멈추다 = หยุด ชะงัก หยุดยั้ง
ประโยคนี้มีศัพท์อยู่คำเดียวนี่แหละค่ะ นำมาใส่แกรมม่านี้
Vst.+ㄹ/을 수 있다 = สามารถที่จะทำV.นั้นได้
Vst.+ㄹ/을 수 없다 = ไม่สามารถที่จะทำV.นั้นได้
วิธีการใช้แกรมม่านี้ก็คือ
1.ดูว่าVst.มีตัวสะกดหรือไม่ ถ้าไม่มี ใส่ㄹ เป็นตัวสะกด แล้วตามด้วย 수 없다หรือ있다 ก็ว่าไป เช่นจากในเพลงนี้
멈추(ไม่มีตัวสะกด) ใส่ㄹ 수 없다= 멈출 수 없다 = ไม่สามารถที่จะหยุด
2.ถ้าVst.มีตัวสะกด ให้ใส่ 을 수 있다/없다 ตัวอย่างนะคะ
먹다 (กิน) Vst คือ 먹 มีตัวสะกดแบบนี้ให้ใส่을 수있다
먹+을 수 있다 = 막을 수 있다 = สามารถกินได้
อีกนิดสำหรับประโยคนี้ เค้าจบประโยคด้วย 없겠어 เป็นการลงท้ายประโยคในรูปอนาคตโดยการเติม 겠 ค่ะ (ยังไม่ได้สอน)
ประโยคที่6
온통 그대 생각 할 수 밖에 없는
ทั้งหมดที่ทำได้ก็เพียงคิดเรื่องเธอเท่านั้น
อธิบาย
온통 = ทั้งหมด ทั้งสิ้นทั้งปวง โดยสิ้นเชิง
그대 = เธอ โดยมากใช้กะคนรัก
생각하다 = คิด
...밖에 없는 = เพียง...เท่านั้น
ประโยคที่7
내 자신이 미워
เกลียดตัวฉันเอง
อธิบาย
내 = ของฉัน (내/제(สุภาพกว่า) +คำนาม ก็จะแปลว่า นามนั้นของฉัน ใช้เหมือนคำว่า My)
자신 = ตัวเอง ตนเอง
미워 = เกลียด มาจาก V.밉다 มาผัน 요form
วันนี้หยิบ My Girl-Ost มานะคะ เครดิตจาก http://www.popcornfor2.com/music/k_s_mygirl2.php
เราจะมาดูเฉพาะท่อนฮุคตรงที่ผู้หญิงร้องค่ะ (ท่อนแร็พยังร้องไม่ทัน และถ้าบรรยายทั้งเพลงอาจจะใช้เวลาหลายวันเลยทีเดียว)
if you go away
you will see me cry
don't you let me go
baby don't you let me down
늘 함께 있어도 더 가깝지 않은
นึล ฮัม-เก อิด-ซอ-โด ทอ กา-คับ-จี อัน-ฮึน
어떤 의미도 없는 진부한 사랑
ออ-ทอน อึย-มี-โด ออป-นึน จิน-พู-ฮัน ซา-รัง
don't you let me go
baby don't you let me down
you never say good bye
한동안 멍하니 우두커니 앉아
ฮัน-โด-งัน มอง-ฮา-นี อู-ทู-คอ-นี อัน-จา
다시 생각했지만
ทา-ซี เซง-คัก-เฮด-จี-มัน
멈출 순 없겠어
มอม-ชุล ซุน ออป-เกด-ซอ
온통 그대 생각 할 수밖에 없는
อน-ทง คือ-เท เซง-กัก ฮัล ซู-พัก-เก ออป-นึน
내 자신이 미워
เน จา-ซี-นี มี-วอ
don't you let me go
baby don't you let me down
นับแล้วมี 7 ประโยคเอง มาดูกันเลยค่ะ
ประโยคที่1
늘 함께 있어도 더 가깝지 않은
แม้ว่าอยู่ด้วยกันเสมอก็ไม่ใกล้ไปกว่านี้
อธิบาย
늘 = เสมอ เป็นประจำ
함께 = ด้วยกัน
있어도 = 있다 (มี/อยู่) ผันแบบ 요 form แล้วเข้าแกรมม่า ...도 (เวลาเอาไปเข้าแกรมม่าเพื่อเชื่อมประโยคก็จะเอา요 ออกไปแล้วเอาตัวเชื่อมมาวางตรงกลาง)
แกรมม่า 도
โดยปกติแล้ว 도 จะแปลว่าด้วย ใช้ตามหลังนามเพื่ออิงประโยคก่อนหน้าว่า ...ด้วย(เหมือนกัน) อธิบายอย่างงี้งงมั้ย ดูตัวอย่างประโยคดีกว่าค่ะ
나는 영어를 좋아해요. ฉันชอบภาษาอังกฤษ
한국어도 좋아해요. (และฉันก็)ชอบภาษาเกาหลีด้วย
***แต่คำว่า도 ในประโยคนี้ไม่ได้แปลว่าด้วยนะคะ ถ้าอยู่กลางประโยค (ตามหลังกริยา) แบบนี้จะแปลได้ว่า ถึงแม้ว่า(ประโยคหน้า)ก็(ประโยคหลัง)
ถึงแม้ว่า (ประโยคหน้า = อยู่ด้วยกันเสมอ) ก็ (ประโยคหลัง = ไม่ใกล้กันมากไปกว่านี้)
더 가깝지 않은
ไม่ใกล้มากไปกว่านี้
더 = กว่า
가깝다 = ใกล้
Vst+지 않다 = ปฏิเสธกริยา แปลว่า ไม่V.นั้นๆ
ตัวอย่าง แกรมม่า - 지 않다
가깝지 않다 = ไม่ใกล้ (가깝다=ใกล้)
예쁘지 않다 = ไม่สวย (예쁘다=สวย)
말하지 않다 = ไม่พูด (말하다=พูด)
ประโยคที่2
어떤 의미도 없는 진부한 사랑
รักเก่าเก็บที่ไม่มีความหมายอะไร
어떤 = ใด ไหน อะไร
의미 = ความหมาย
어떤 의미 = ความหมายใดๆ
진부하다 = เก่าแก่ เก่าเก็บ คร่ำครึ ล้าสมัย
사랑 = ความรัก
진부한 사랑 = ความรักเก่าๆแก่ๆ
ตรง진부하다 ที่กลายมาเป็น 진부한 นั่นคือการเปลี่ยน V. ให้กลายเป็น Adj/Adv
วิธีทำ V ให้กลายเป็น adj/adv ในลักษณะนี้คือ เอาVst. มาเติมㄴเป็นตัวสะกด แล้ววางไว้หน้านามที่เราจะขยาย
ประโยคที่3
한동안 멍하니 우두커니 앉아
นั่งใจลอยๆอยู่พักนึง
อธิบาย
한동안 = ช่วงเวลาหนึ่ง ระยะเวลาสั้นๆ
(한=หนึ่ง/동안=ช่วงเวลา)
멍하니= ใจลอย
어두커니 = ใจลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เคลิ้ม
앉아 = นั่ง (มาจาก V.앉다 นำมาผันแบบ 요form แล้วเอา요ออกเพื่อต่อประโยคค่ะ)
ประโยคที่4
다시 생각했지만
คิดอีกครั้ง แต่ก็...
อธิบาย
다시 = อีกครั้ง
생각하다 = คิด
그렇지만 = แต่ว่า
ในประโยคนี้นำ 생각하다 มาผันให้อยู่ในรูปอดีต(ยังไม่ได้สอน) จะได้เป็น 생각했다 ตัด 다 ทิ้งไปเพื่อใส่คำเชื่อม 지만 (แต่)
คำว่า 그렇지만 (แต่) เป็นคำเต็มๆ ถ้าจะใช้คือเอาไว้ขึ้นประโยคใหม่ แต่ถ้าจะเอามาเชื่อมตรงกลางให้มันขัดแย้งกันก้อเอาแค่คำว่า지만 มาใช้แบบในเพลงนะคะ
ประโยคที่5
멈출 순 없겠어
มันก็หยุดไม่ได้
อธิบาย
멈추다 = หยุด ชะงัก หยุดยั้ง
ประโยคนี้มีศัพท์อยู่คำเดียวนี่แหละค่ะ นำมาใส่แกรมม่านี้
Vst.+ㄹ/을 수 있다 = สามารถที่จะทำV.นั้นได้
Vst.+ㄹ/을 수 없다 = ไม่สามารถที่จะทำV.นั้นได้
วิธีการใช้แกรมม่านี้ก็คือ
1.ดูว่าVst.มีตัวสะกดหรือไม่ ถ้าไม่มี ใส่ㄹ เป็นตัวสะกด แล้วตามด้วย 수 없다หรือ있다 ก็ว่าไป เช่นจากในเพลงนี้
멈추(ไม่มีตัวสะกด) ใส่ㄹ 수 없다= 멈출 수 없다 = ไม่สามารถที่จะหยุด
2.ถ้าVst.มีตัวสะกด ให้ใส่ 을 수 있다/없다 ตัวอย่างนะคะ
먹다 (กิน) Vst คือ 먹 มีตัวสะกดแบบนี้ให้ใส่을 수있다
먹+을 수 있다 = 막을 수 있다 = สามารถกินได้
อีกนิดสำหรับประโยคนี้ เค้าจบประโยคด้วย 없겠어 เป็นการลงท้ายประโยคในรูปอนาคตโดยการเติม 겠 ค่ะ (ยังไม่ได้สอน)
ประโยคที่6
온통 그대 생각 할 수 밖에 없는
ทั้งหมดที่ทำได้ก็เพียงคิดเรื่องเธอเท่านั้น
อธิบาย
온통 = ทั้งหมด ทั้งสิ้นทั้งปวง โดยสิ้นเชิง
그대 = เธอ โดยมากใช้กะคนรัก
생각하다 = คิด
...밖에 없는 = เพียง...เท่านั้น
ประโยคที่7
내 자신이 미워
เกลียดตัวฉันเอง
อธิบาย
내 = ของฉัน (내/제(สุภาพกว่า) +คำนาม ก็จะแปลว่า นามนั้นของฉัน ใช้เหมือนคำว่า My)
자신 = ตัวเอง ตนเอง
미워 = เกลียด มาจาก V.밉다 มาผัน 요form
บทที่9. -요 Form...หัดผันกริยาแบบลงท้ายด้วย โย
บทที่9. -요 Form...หัดผันกริยาแบบลงท้ายด้วย โย
ก่อนหน้านี้ได้สอนการผันแบบ ㅂ 니다/습니다 (พีอึบนีดา/ซึมนีดา) ไปแล้ว ซึ่งการลงท้ายแบบนั้นมันเป็นทางการเกินไปหน่อย มาบทนี้เรามาหัดผันแบบลงท้ายด้วยโยกันดีกว่าค่ะ
การลงท้ายแบบโยเนี่ย จะให้ความสุภาพด้วยและไม่เป็นพิธีการมากเกินไป ก็เป็นภาษาที่เราใช้พูดกันธรรมดานี่แหละค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องใช้เยอะกว่าการพูดแบบเป็นทางการอยู่แล้ว เวลาพูดกะเพื่อนฝูง พ่อแม่พี่น้อง ซื้อของ สั่งอาหาร ฯลฯ อะไรอย่างเงี้ย เกริ่นมายาวละ เข้าเรื่องดีกว่าโนะ
เช่นเคยนะคะ เวลาลงท้ายประโยคเนี่ย จะต้องมาผันกันตรงคำกริยา (เพราะกริยาจะต้องวางไว้ท้ายสุดเสมอ)
การผันกริยาแบบลงท้ายด้วยโย (ต่อไปขอเรียกว่า -요 Form นะคะ) โครงสร้างเป็นอย่างนี้ค่ะ
Vst + 아/어/여 요
เห็นโครงสร้างแล้วก็อย่าพึ่งมึน มาฟังอิชั้นอธิบายก่อน
วิธีการผันมีดังนี้นะจ๊ะ
1. ถ้า Vst ลงท้ายด้วยสระ ㅏ (อา) หรือ ㅗ (โอ) ให้เติม 아요 เข้าไป และถ้า Vst นั้นไม่มีตัวสะกด เราสามารถรวบเสียงได้
ตัวอย่าง
กริยา 가다 (คาดา) = ไป
Vst. = 가 จะเห็นได้ว่า vst ของตัวนี้ลงท้ายด้วยสระอา เพราะฉะนั้นให้เติม 아요 เข้าไป
가 + 아요 = 가아요
ยังไม่จบ กฎมีอยู่อีกนิดว่า ถ้าvst ไม่มีตัวสะกดสามารถรวมเสียงได้
ตรงนี้จาก 가아요 (คาอาโย) 가กับ아 จะรวมเสียงกันเหลือแต่ 가 ส่วน 요นั้นอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นคำนี้จะได้ออกมาว่า 가요 (คาโย)
ลองแต่งประโยค
어디 가요? ออกเสียงว่า ออดี คาโย้ะ? =ไปไหนคะ
(어디 = ที่ไหน)
(ถ้าเป็นคำถามก็ให้ลงท้ายเสียงสูง)
อีกซักตัวอย่าง เพื่อความหลากหลาย
กริยา 오다 (โอ-ดา) = มา
vst. = 오 ลงท้ายด้วยสระ ㅗ เพราะฉะนั้นยังอยู่ในกฎข้อนี้ ก้อเติม 아요 เข้าไป
오+아요 = 오아요
ยังไม่จบ กฎมีอยู่อีกนิดว่า ถ้าvst ไม่มีตัวสะกดสามารถรวมเสียงได้ 오 กับ 아 พอมารวมกันก็จะได้ 와 เพราะฉะนั้นกริยาตัวนี้จะผันได้เป็น 와요 (วาโย) [สระㅗ(โอ) กับㅏ(อา) มันสามารถผสมกันได้เป็นสระ ㅘ(วา) นะจ๊ะ อย่าลืม]
ลองแต่งประโยค
친구는 집에 와요. (ชินกุนึน ชิบเบ วาโย) = เพื่อนมาที่บ้าน
친구 (ชินกู) = เพื่อน
집 (ชิบ) = บ้าน
에 (เอ) = ที่ (คำนี้ต้องตามหลังคำนาม เป็นคำชี้สถานที่)
2. ถ้า Vst ลงท้ายด้วยสระ อื่นๆ(ยกเว้น ㅏ กับ ㅗ) ให้เติม 어요 เข้าไป และถ้า Vst นั้นไม่มีตัวสะกด เราสามารถรวบเสียงได้
ตัวอย่าง
กริยา 먹다 (มอกดา) = กิน
vst = 먹 ==> ลงท้ายด้วยสระ ㅓ (สระออ) เพราะฉะนั้นจัดอยู่ในกรณีที่2 ให้เติม 어요 เข้าไป
먹+어요=먹어요 (มอกอโย) การผันกริยาก็จบเท่านี้ ไม่มีการรวบเสียง เพราะว่าvst=먹 ==> มีตัวสะกด ไม่สามารถรวบเสียงได้
ลองเอามาแต่งประโยค
원숭이는 바나나를 먹어요. (วอนซุงอีนึน พานานารึล มอกอโย) = ลิงกินกล้วย
원숭이 (วอนซุงอี) = ลิง
바나나 (พานานา) = กล้วย
อีกซักตัวอย่างนะ
กริยา 있다 (อิดตา) = มี/อยู่
vst = 있 ==> ลงท้ายด้วยสระ ㅣ (สระอี) เพราะฉะนั้นจัดอยู่ในกรณีที่2 ให้เติม 어요 เข้าไป
있+어요=있어요 (อิดซอโย) ==> กริยาก็จบเท่านี้ ไม่มีการรวบเสียง เพราะว่า vst = 있 ==> มีตัวสะกด ไม่สามารถรวบเสียงได้
ลองแต่งเป็นประโยค
애인 있어요? (แออิน อิดซอโย้ะ) = มีแฟนมั้ย? / มีแฟนรึยัง?
애인 (แออิน) = แฟน
3. ถ้าเป็นกริยา 하다 เมื่อผันในรูปของ 요 form จะกลายเป็น 해요
ตัวอย่าง
사랑하다(ซารังฮาดา/รัก) ==> 사랑해요.(ซารังแฮโย)
미안하다(มีอันฮาดา/ขอโทษ) ===> 미안해요.(มีอันแฮโย)
감사하다(คัมซาฮาดา/ขอบคุณ) ===> 감사해요.(คัมซาแฮโย)
공부하다(คงบูฮาดา/เรียน)===> 공부해요.(คงบูแฮโย)
มาต่อเรื่องวิธีการจบประโยคแบบ 요 อีกนิดนะคะ นอกจากกฏการผัน3ข้อหลักๆแล้ว ยังมีกริยาอีกส่วนนึงที่จะต้องมีการผันแบบพิเศษค่ะ (คือไม่อยู่ในกฏ3ข้อหลัก) มีอะไรกันบ้างมาดูกันค่ะ
1. vst.ที่ลงท้ายด้วยสระㅡ (สระอือ) จะมีกฏการผันคือว่า ต้องตัดสระอือทิ้งไปก่อน แล้วไปดูสระในพยางค์หน้าว่าอยู่ในกลุ่มใด(ตามกฏหลัก) แล้วเลือกเติม -ㅏ요 หรือ -ㅓ요 ต่อไป มาดูตัวอย่างกันค่ะ
กริยา 예쁘다 (เยปือดา/สวย)
vst = 예쁘 (นี่แหละค่ะ ลงท้ายด้วยสระอือ)
- ขั้นแรกให้ตัดสระอือทิ้งไปก่อน ย้ำ ตัดเฉพาะสระอือ ก็จะเหลือ ==> 예ㅃ อย่างงี้
- ต่อจากนั้นให้ไปดูสระของพยางค์หน้าค่ะ ว่าอยู่ในกลุ่มไหน
(ตามกฏหลักในบทก่อนหน้านี้ สระจะแบ่งเป็น3กลุ่ม กลุ่ม1 สระㅏ,ㅗ ให้เติม아요 ส่วนกลุ่มที่2คือสระที่ไม่ใช่ ㅏ,ㅗ ให้เติม 어요)
ในกรณีนี้ สระของพยางค์หน้าคือ ㅖ ซึ้งเป็นสระกลุ่ม2ก็ให้เติม ㅓ요เข้าไปค่ะ
예ㅃ+ㅓ요=예뻐요 (เย-ปอ-โย)
v.ที่อยู่ในกลุ่มนี้ที่ใช้บ่อยๆหน่อยก็มีไม่กี่ตัวหรอกค่ะ ที่ควรทราบก้อมีดังนี้
예쁘다 ===> 예뻐요 (เย-ปอ-โย/สวย)
슬프다 ===> 슬퍼요 (ซึล-พอ-โย/เศร้า)
바쁘다 ===> 바빠요 (พา-ปา-โย/ยุ่ง)
고프다 ===> 고파요 (โค-พา-โย/หิว)
모르다 ===> 몰라요 (โมล-ลา-โย/ไม่รู้)
2. vst ที่ㅂ เป็นตัวสะกด กฎการผันคือ ตัดㅂที่เป็นตัวสะกดทิ้งไปแล้วเติม워요เข้าไปก็เป็นอันเสร็จพิธี
ตัวอย่างค่ะ
맵다 (แม็บ-ดา/เผ็ด)
vst = 맵 อันนี้ก็จะเห็นได้ว่า ㅂ เป็นตัวสะกด ก็จะต้องมาเข้ากฏการผันพิเศษในข้อนี้ค่ะ
ขั้นแรกตัดㅂ ที่เป็นตัวสะกดทิ้งไป ก็จะเหลือ 매
หลังจากนั้นให้เติม워요 เข้าไป ก็จะได้ 매+워요=매워요 (แม-วอ-โย) ก้อเรียบร้อยค่ะ
ลองมาดูคำศัพท์ที่จะต้องเข้ากลุ่มนี้
맵다 = 매워요 (แม-วอ-โย/เผ็ด)
덥다 = 더워요 (ทอ-วอ-โย/ร้อน ใช้กับอากาศ)
춥다 = 추워요 (ชู-วอ-โย/หนาว)
가깝다 = 가까워요 (คา-กา-วอ-โย/ใกล้)
아깝다 = 아까워요(อา-กา-วอ-โย/เสียดาย)
그립다 = 그리워요 (คือ-รี-วอ-โย/คิดถึง)
밉다 = 미워요 (มี-วอ-โย/เกลียด)
어렵다 = 어려워요 (ออ-รยอ-วอ-โย/ยาก)
쉽다 = 쉬워요 (ซวี-วอ-โย/ง่าย)
더렵다 = 더려워요 (ทอ-รยอ-วอ-โย/สกปรก)
무겁다 = 무거워요 (มู-กอ-วอ-โย/หนัก)
가볍다 = 가벼워요 (คา-พยอ-วอ-โย/เบา)
즐겁다 = 즐거워요 (ชึล-กอ-วอ-โย/สนุก สุข เบิกบาน)
ไปๆมาๆก็เยอะเหมือนกันนะเนี่ย อ่ะข้อสุดท้าย
3. กริยาที่สะกดด้วย ㄷ บางตัว จะต้องผันพิเศษโดยการเปลี่ยนตัวสะกดจาก ㄷ เป็น ㄹ แล้วค่อยผันต่อไป ซึ่งกริยาที่ผันพิเศษในข้อนี้ขอให้รู้ไว้แค่2ตัวนี้เป็นพอ
걷다 ==> 걸어요 (คอ-รอ-โย/เดิน)
듣다 ===> 들어요 (ทึล-รอ-โย/ฟัง)
ก่อนหน้านี้ได้สอนการผันแบบ ㅂ 니다/습니다 (พีอึบนีดา/ซึมนีดา) ไปแล้ว ซึ่งการลงท้ายแบบนั้นมันเป็นทางการเกินไปหน่อย มาบทนี้เรามาหัดผันแบบลงท้ายด้วยโยกันดีกว่าค่ะ
การลงท้ายแบบโยเนี่ย จะให้ความสุภาพด้วยและไม่เป็นพิธีการมากเกินไป ก็เป็นภาษาที่เราใช้พูดกันธรรมดานี่แหละค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องใช้เยอะกว่าการพูดแบบเป็นทางการอยู่แล้ว เวลาพูดกะเพื่อนฝูง พ่อแม่พี่น้อง ซื้อของ สั่งอาหาร ฯลฯ อะไรอย่างเงี้ย เกริ่นมายาวละ เข้าเรื่องดีกว่าโนะ
เช่นเคยนะคะ เวลาลงท้ายประโยคเนี่ย จะต้องมาผันกันตรงคำกริยา (เพราะกริยาจะต้องวางไว้ท้ายสุดเสมอ)
การผันกริยาแบบลงท้ายด้วยโย (ต่อไปขอเรียกว่า -요 Form นะคะ) โครงสร้างเป็นอย่างนี้ค่ะ
Vst + 아/어/여 요
เห็นโครงสร้างแล้วก็อย่าพึ่งมึน มาฟังอิชั้นอธิบายก่อน
วิธีการผันมีดังนี้นะจ๊ะ
1. ถ้า Vst ลงท้ายด้วยสระ ㅏ (อา) หรือ ㅗ (โอ) ให้เติม 아요 เข้าไป และถ้า Vst นั้นไม่มีตัวสะกด เราสามารถรวบเสียงได้
ตัวอย่าง
กริยา 가다 (คาดา) = ไป
Vst. = 가 จะเห็นได้ว่า vst ของตัวนี้ลงท้ายด้วยสระอา เพราะฉะนั้นให้เติม 아요 เข้าไป
가 + 아요 = 가아요
ยังไม่จบ กฎมีอยู่อีกนิดว่า ถ้าvst ไม่มีตัวสะกดสามารถรวมเสียงได้
ตรงนี้จาก 가아요 (คาอาโย) 가กับ아 จะรวมเสียงกันเหลือแต่ 가 ส่วน 요นั้นอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นคำนี้จะได้ออกมาว่า 가요 (คาโย)
ลองแต่งประโยค
어디 가요? ออกเสียงว่า ออดี คาโย้ะ? =ไปไหนคะ
(어디 = ที่ไหน)
(ถ้าเป็นคำถามก็ให้ลงท้ายเสียงสูง)
อีกซักตัวอย่าง เพื่อความหลากหลาย
กริยา 오다 (โอ-ดา) = มา
vst. = 오 ลงท้ายด้วยสระ ㅗ เพราะฉะนั้นยังอยู่ในกฎข้อนี้ ก้อเติม 아요 เข้าไป
오+아요 = 오아요
ยังไม่จบ กฎมีอยู่อีกนิดว่า ถ้าvst ไม่มีตัวสะกดสามารถรวมเสียงได้ 오 กับ 아 พอมารวมกันก็จะได้ 와 เพราะฉะนั้นกริยาตัวนี้จะผันได้เป็น 와요 (วาโย) [สระㅗ(โอ) กับㅏ(อา) มันสามารถผสมกันได้เป็นสระ ㅘ(วา) นะจ๊ะ อย่าลืม]
ลองแต่งประโยค
친구는 집에 와요. (ชินกุนึน ชิบเบ วาโย) = เพื่อนมาที่บ้าน
친구 (ชินกู) = เพื่อน
집 (ชิบ) = บ้าน
에 (เอ) = ที่ (คำนี้ต้องตามหลังคำนาม เป็นคำชี้สถานที่)
2. ถ้า Vst ลงท้ายด้วยสระ อื่นๆ(ยกเว้น ㅏ กับ ㅗ) ให้เติม 어요 เข้าไป และถ้า Vst นั้นไม่มีตัวสะกด เราสามารถรวบเสียงได้
ตัวอย่าง
กริยา 먹다 (มอกดา) = กิน
vst = 먹 ==> ลงท้ายด้วยสระ ㅓ (สระออ) เพราะฉะนั้นจัดอยู่ในกรณีที่2 ให้เติม 어요 เข้าไป
먹+어요=먹어요 (มอกอโย) การผันกริยาก็จบเท่านี้ ไม่มีการรวบเสียง เพราะว่าvst=먹 ==> มีตัวสะกด ไม่สามารถรวบเสียงได้
ลองเอามาแต่งประโยค
원숭이는 바나나를 먹어요. (วอนซุงอีนึน พานานารึล มอกอโย) = ลิงกินกล้วย
원숭이 (วอนซุงอี) = ลิง
바나나 (พานานา) = กล้วย
อีกซักตัวอย่างนะ
กริยา 있다 (อิดตา) = มี/อยู่
vst = 있 ==> ลงท้ายด้วยสระ ㅣ (สระอี) เพราะฉะนั้นจัดอยู่ในกรณีที่2 ให้เติม 어요 เข้าไป
있+어요=있어요 (อิดซอโย) ==> กริยาก็จบเท่านี้ ไม่มีการรวบเสียง เพราะว่า vst = 있 ==> มีตัวสะกด ไม่สามารถรวบเสียงได้
ลองแต่งเป็นประโยค
애인 있어요? (แออิน อิดซอโย้ะ) = มีแฟนมั้ย? / มีแฟนรึยัง?
애인 (แออิน) = แฟน
3. ถ้าเป็นกริยา 하다 เมื่อผันในรูปของ 요 form จะกลายเป็น 해요
ตัวอย่าง
사랑하다(ซารังฮาดา/รัก) ==> 사랑해요.(ซารังแฮโย)
미안하다(มีอันฮาดา/ขอโทษ) ===> 미안해요.(มีอันแฮโย)
감사하다(คัมซาฮาดา/ขอบคุณ) ===> 감사해요.(คัมซาแฮโย)
공부하다(คงบูฮาดา/เรียน)===> 공부해요.(คงบูแฮโย)
มาต่อเรื่องวิธีการจบประโยคแบบ 요 อีกนิดนะคะ นอกจากกฏการผัน3ข้อหลักๆแล้ว ยังมีกริยาอีกส่วนนึงที่จะต้องมีการผันแบบพิเศษค่ะ (คือไม่อยู่ในกฏ3ข้อหลัก) มีอะไรกันบ้างมาดูกันค่ะ
1. vst.ที่ลงท้ายด้วยสระㅡ (สระอือ) จะมีกฏการผันคือว่า ต้องตัดสระอือทิ้งไปก่อน แล้วไปดูสระในพยางค์หน้าว่าอยู่ในกลุ่มใด(ตามกฏหลัก) แล้วเลือกเติม -ㅏ요 หรือ -ㅓ요 ต่อไป มาดูตัวอย่างกันค่ะ
กริยา 예쁘다 (เยปือดา/สวย)
vst = 예쁘 (นี่แหละค่ะ ลงท้ายด้วยสระอือ)
- ขั้นแรกให้ตัดสระอือทิ้งไปก่อน ย้ำ ตัดเฉพาะสระอือ ก็จะเหลือ ==> 예ㅃ อย่างงี้
- ต่อจากนั้นให้ไปดูสระของพยางค์หน้าค่ะ ว่าอยู่ในกลุ่มไหน
(ตามกฏหลักในบทก่อนหน้านี้ สระจะแบ่งเป็น3กลุ่ม กลุ่ม1 สระㅏ,ㅗ ให้เติม아요 ส่วนกลุ่มที่2คือสระที่ไม่ใช่ ㅏ,ㅗ ให้เติม 어요)
ในกรณีนี้ สระของพยางค์หน้าคือ ㅖ ซึ้งเป็นสระกลุ่ม2ก็ให้เติม ㅓ요เข้าไปค่ะ
예ㅃ+ㅓ요=예뻐요 (เย-ปอ-โย)
v.ที่อยู่ในกลุ่มนี้ที่ใช้บ่อยๆหน่อยก็มีไม่กี่ตัวหรอกค่ะ ที่ควรทราบก้อมีดังนี้
예쁘다 ===> 예뻐요 (เย-ปอ-โย/สวย)
슬프다 ===> 슬퍼요 (ซึล-พอ-โย/เศร้า)
바쁘다 ===> 바빠요 (พา-ปา-โย/ยุ่ง)
고프다 ===> 고파요 (โค-พา-โย/หิว)
모르다 ===> 몰라요 (โมล-ลา-โย/ไม่รู้)
2. vst ที่ㅂ เป็นตัวสะกด กฎการผันคือ ตัดㅂที่เป็นตัวสะกดทิ้งไปแล้วเติม워요เข้าไปก็เป็นอันเสร็จพิธี
ตัวอย่างค่ะ
맵다 (แม็บ-ดา/เผ็ด)
vst = 맵 อันนี้ก็จะเห็นได้ว่า ㅂ เป็นตัวสะกด ก็จะต้องมาเข้ากฏการผันพิเศษในข้อนี้ค่ะ
ขั้นแรกตัดㅂ ที่เป็นตัวสะกดทิ้งไป ก็จะเหลือ 매
หลังจากนั้นให้เติม워요 เข้าไป ก็จะได้ 매+워요=매워요 (แม-วอ-โย) ก้อเรียบร้อยค่ะ
ลองมาดูคำศัพท์ที่จะต้องเข้ากลุ่มนี้
맵다 = 매워요 (แม-วอ-โย/เผ็ด)
덥다 = 더워요 (ทอ-วอ-โย/ร้อน ใช้กับอากาศ)
춥다 = 추워요 (ชู-วอ-โย/หนาว)
가깝다 = 가까워요 (คา-กา-วอ-โย/ใกล้)
아깝다 = 아까워요(อา-กา-วอ-โย/เสียดาย)
그립다 = 그리워요 (คือ-รี-วอ-โย/คิดถึง)
밉다 = 미워요 (มี-วอ-โย/เกลียด)
어렵다 = 어려워요 (ออ-รยอ-วอ-โย/ยาก)
쉽다 = 쉬워요 (ซวี-วอ-โย/ง่าย)
더렵다 = 더려워요 (ทอ-รยอ-วอ-โย/สกปรก)
무겁다 = 무거워요 (มู-กอ-วอ-โย/หนัก)
가볍다 = 가벼워요 (คา-พยอ-วอ-โย/เบา)
즐겁다 = 즐거워요 (ชึล-กอ-วอ-โย/สนุก สุข เบิกบาน)
ไปๆมาๆก็เยอะเหมือนกันนะเนี่ย อ่ะข้อสุดท้าย
3. กริยาที่สะกดด้วย ㄷ บางตัว จะต้องผันพิเศษโดยการเปลี่ยนตัวสะกดจาก ㄷ เป็น ㄹ แล้วค่อยผันต่อไป ซึ่งกริยาที่ผันพิเศษในข้อนี้ขอให้รู้ไว้แค่2ตัวนี้เป็นพอ
걷다 ==> 걸어요 (คอ-รอ-โย/เดิน)
듣다 ===> 들어요 (ทึล-รอ-โย/ฟัง)
บทที่8. คำศัพท์(กริยา)ภาษาเกาหลี
บทที่8. คำศัพท์(กริยา)ภาษาเกาหลี
กลุ่มแรกเป็นกลุ่ม AV.(Action verb นะคะ)
먹다 กิน
마시다 ดื่ม
서다 ยืน
뛰다 วิ่ง
걷다 เดิน
앉다 นั่ง
타다 โดยสาร (คนไทยเราบางทีคำว่านั่งกะโดยสารนี่เราใช้รวม แต่เกาหลีใช้แยกกันนะจ๊ะ ถ้านั่งหรือโดยสารบนยานพาหนะใดๆจะใช้คำนี้นะก๊ะ)
자다 นอน
일어나다 ตื่น
세수를 하다 ล้างหน้า
목욕하다/샤워하다 อาบน้ำ
청소하다 ทำความสะอาด
빨래하다 ซักผ้า
배우다 เรียน (ระบุวิชา)
공부하다 เรียนหนังสือ
듣다 ฟัง
말하다 พูด
읽다 อ่าน
쓰다 เขียน (จริงๆแล้วแปลได้3ความหมายคือ เขียน ขม ใช้)
사다 ซื้อ
팔다 ขาย
일하다 ทำงาน
놀다 เล่น
하다 ทำ
사랑하다 รัก
좋아하다 ชอบ
싫어하다 ไม่ชอบ เกลียด
미워하다 เกลียด (แรงกว่าคำบน)
귀잖다 รำคาญ
울다 ร้องไห้
웃다 หัวเราะ
부르다 ร้อง (เพลง)
춤추다 เต้นรำ
주다 ให้
받다 รับ
화장하다 แต่งหน้า
입다 ใส่ (ใช้กับเครื่องแต่งกาย)
벗다 ถอด (ใช้กับเครื่องแต่งกาย)
กริยากลุ่ม DV (Description verb)
귀엽다 น่ารัก
아름답다 สวยงาม งดงาม
예쁘다 สวย
잘 생기다 หล่อ
같다 เหมือน
비슷하다 คล้าย
닮다 คล้าย
다르다 แตกต่าง
어렵다 ยาก
쉽다 ง่าย
힘들다 ลำบากยากเย็น
부지런하다 ขยัน
게으르다 ขี้เกียจ
좋다 ดี
나쁘다 ไม่ดี เลว
똑똑하다 ฉลาด
어리석다 โง่
시시하다 โง่
높다 สูง
작다 เล็ก ต่ำ เตี้ย
크다 ใหญ่ ถ้าใช้กับส่วนสูงจะแปลว่าสูง ถ้าใช้กับเสียงจะแปลว่าดัง
키다 ยาว
잛다 สั้น
뚱뚱하다 อ้วน
날신하다 ผอม
많다 มาก
적다 น้อย
무겁다 หนัก
거볍다 เบา
가깝다 ใกล้
멀다 ไกล
느리다 ช้า
빠르다 เร็ว
깊다 ลึก
앝다 ตื้น
싸다 ถูก
비싸다 แพง
맞다 ถูก
틀리다 ผิด
넓다 กว้าง
좁다 แคบ
깨끗하다 สะอาด
더렵다 สกปรก
시다 เปรี้ยว
달다 หวาน
짜다 เค็ม
맵다 เผ็ด
덥다 ร้อน
춥다 หนาว
따뜻하다 อบอุ่น
시원하다 เย็นสบาย
이상하다 แปลก ประหลาด
착하다 ใจดี
กลุ่มแรกเป็นกลุ่ม AV.(Action verb นะคะ)
먹다 กิน
마시다 ดื่ม
서다 ยืน
뛰다 วิ่ง
걷다 เดิน
앉다 นั่ง
타다 โดยสาร (คนไทยเราบางทีคำว่านั่งกะโดยสารนี่เราใช้รวม แต่เกาหลีใช้แยกกันนะจ๊ะ ถ้านั่งหรือโดยสารบนยานพาหนะใดๆจะใช้คำนี้นะก๊ะ)
자다 นอน
일어나다 ตื่น
세수를 하다 ล้างหน้า
목욕하다/샤워하다 อาบน้ำ
청소하다 ทำความสะอาด
빨래하다 ซักผ้า
배우다 เรียน (ระบุวิชา)
공부하다 เรียนหนังสือ
듣다 ฟัง
말하다 พูด
읽다 อ่าน
쓰다 เขียน (จริงๆแล้วแปลได้3ความหมายคือ เขียน ขม ใช้)
사다 ซื้อ
팔다 ขาย
일하다 ทำงาน
놀다 เล่น
하다 ทำ
사랑하다 รัก
좋아하다 ชอบ
싫어하다 ไม่ชอบ เกลียด
미워하다 เกลียด (แรงกว่าคำบน)
귀잖다 รำคาญ
울다 ร้องไห้
웃다 หัวเราะ
부르다 ร้อง (เพลง)
춤추다 เต้นรำ
주다 ให้
받다 รับ
화장하다 แต่งหน้า
입다 ใส่ (ใช้กับเครื่องแต่งกาย)
벗다 ถอด (ใช้กับเครื่องแต่งกาย)
กริยากลุ่ม DV (Description verb)
귀엽다 น่ารัก
아름답다 สวยงาม งดงาม
예쁘다 สวย
잘 생기다 หล่อ
같다 เหมือน
비슷하다 คล้าย
닮다 คล้าย
다르다 แตกต่าง
어렵다 ยาก
쉽다 ง่าย
힘들다 ลำบากยากเย็น
부지런하다 ขยัน
게으르다 ขี้เกียจ
좋다 ดี
나쁘다 ไม่ดี เลว
똑똑하다 ฉลาด
어리석다 โง่
시시하다 โง่
높다 สูง
작다 เล็ก ต่ำ เตี้ย
크다 ใหญ่ ถ้าใช้กับส่วนสูงจะแปลว่าสูง ถ้าใช้กับเสียงจะแปลว่าดัง
키다 ยาว
잛다 สั้น
뚱뚱하다 อ้วน
날신하다 ผอม
많다 มาก
적다 น้อย
무겁다 หนัก
거볍다 เบา
가깝다 ใกล้
멀다 ไกล
느리다 ช้า
빠르다 เร็ว
깊다 ลึก
앝다 ตื้น
싸다 ถูก
비싸다 แพง
맞다 ถูก
틀리다 ผิด
넓다 กว้าง
좁다 แคบ
깨끗하다 สะอาด
더렵다 สกปรก
시다 เปรี้ยว
달다 หวาน
짜다 เค็ม
맵다 เผ็ด
덥다 ร้อน
춥다 หนาว
따뜻하다 อบอุ่น
시원하다 เย็นสบาย
이상하다 แปลก ประหลาด
착하다 ใจดี
บทที่7.แต่งประโยคและผันกริยาแบบㅂ 니다/습니다
บทที่7. มาหัดแต่งประโยคและการผันกริยาแบบ ㅂ 니다/습니다
จากบทที่5 ที่เคยเกริ่นๆไปแล้วในเรื่องของโครงสร้างประโยค ว่าจะต้องเรียงแบบนี้
ประธาน กรรม กริยา
ยกตัวอย่างประโยค "ฉันกินข้าว" จะต้องเรียงว่า
ฉัน ข้าว กิน
나 밥 먹다
^ ข้างบนนี้คือเอาคำมาเรียงกันดื้อๆ ซึ่งยังไม่ถูกต้อง เพราะในภาษาเกาหลีจะต้องใส่คำชี้ประธาน คำชี้กรรม และผันกริยาเพื่อจบประโยคด้วย ถ้าจะเป็นประโยคที่สมบูรณ์จะต้องเป็นอย่างงี้
나는 밥을 먹습니다.
คำชี้ประธานและคำชี้กรรมนั้นไม่ยาก ดูคำอธิบายได้ในบทที่5 แต่ตรงการผันกริยานี่แหละที่มันหลากหลาย อ่ะ มาดูการผันกริยาแบบแรกของเรากันดีกว่า จะขอเรียกว่าแบบ ㅂ 니다/습니다 (พีอึบนีดา ซึมนีดา)
ก่อนอื่นเราต้องมารู้จักหน้าตาของกริยาเกาหลีกันก่อน
- คำศัพท์ที่เป็นคำกริยาทุกคำจะลงท้ายด้วย 다
- คำกริยาของเกาหลีจะมี 2 ประเภท คือ
Action Verb (กริยาแสดงการกระทำ เช่น กิน ดื่ม เดิน วิ่ง)
Description Verb (กริยาแสดงคุณลักษณะ เช่น สูง ต่ำ ดำ ขาว หล่อ ใหญ่ เล็ก)
ตัวอย่างคำกริยา
먹다 (มอก-ดา) กิน
마시다 (มา-ชี-ดา) ดื่ม
배우다 (แพ-อู-ดา) เรียน
사랑하다 (ซา-รัง-ฮา-ดา) รัก
วิธีการผันกริยาแบบแรกที่จะสอนวันนี้คือแบบ ㅂ 니다/습니다 ซึ่งมีวิธีการดังนี้
1. ตัด 다 ตัวท้ายออกไป (นั่นจะเรียกว่า กริยารากศัพท์หรือ Verb Stem ตัวย่อคือ Vst.)
2. Vst. ที่พยางค์สุดท้ายไม่มีตัวสะกด จะใส่ ㅂ 니다 โดยที่ใส่ ㅂ เป็นตัวสะกดลงไปก่อนแล้วตามด้วย 니다
3. ในกรณีที่พยางค์สุดท้ายของ Vst. มีตัวสะกด จะใช้ 습니다 ตามหลังไปเลย
ตัวอย่างการผัน
กริยา 먹다 (มอก-ดา) กิน
วิธีทำ
1. ตัด 다 ทิ้งไป ก็จะได้Vst. คือ 먹
2. 먹 มีตัวสะกดจึงใช้ 습니다 ต่อท้ายได้เลย
ก็จะได้ 먹+습니다 = 먹습니다
ตัวอย่างที่ 2
กริยา 사랑하다
วิธีทำ
1. ตัด 다 ออก จะได้ Vst. 사랑하
2. พยางค์สุดท้ายไม่มีตัวสะกด จึงใช้ ㅂ 니다 โดยใส่ ㅂ เป็นตัวสะกดแล้วตามด้วย 니다 ดังนี้
사랑하+ㅂ 니다 = 사랑합니다
ลองเอามาแต่งประโยค
우리는 국왕을 사랑합니다. เรารักในหลวง
우리 = พวกเรา
국왕 = กษัตริย์
และในการผันแบบ ㅂ 니다/습니다 นี้ จะมีกฏการอ่านคือ ตัวㅂ ที่ใช้เป็นตัวผันนั้นจะออกเสียงเป็น ม.สะกดค่ะ อย่าง 사랑합니다 ก็จะออกเสียงว่า ซา-รัง-ฮัม-นี-ดา
บทที่6. คำสรรพนาม
บทที่6. คำสรรพนาม
จะแต่งประโยคได้ก้อจะต้องรู้คำศัพท์ซะก่อน บทนี้จะว่าด้วยเรื่องคำสรรพนามในภาษาเกาหลีค่า
บุรุษที่1
ฉัน = 나 / 저
เรา = 우리 / 우리들
บุรุษที่2
เธอ = 너 / 당신
คุณ... = ...씨 / ...님 / ...선생님 (คำเหล่านี้เมือต่อท้ายชื่อจะเป็นการให้เกียรติ เหมือนมีคำว่า"คุณ" อยู่ข้างหน้า)
บุรุษที่3
เขา = 그는
ท่าน = 분
ท่านนี้ = 이 분
ท่านนั้น = 그 분
ท่านนู้น = 저 분
ท่านเหล่านี้ = 이 분들
ท่านเหล่านั้น = 그 분들
ท่านเหล่านู้น = 저 분들
ผู้ชายคนนี้ = 이 남자
ผู้ชายคนนั้น = 그 남자
ผู้ชายคนนู้น = 저 남자
ผู้หญิงคนนี้ = 이 여자
ผู้หญิงคนนั้น = 그 여자
ผู้หญิงคนนู้น = 저 여자
สิ่งนี้ = 이것
สิ่งนั้น = 그것
สิ่งนู้น = 저것
ที่นี่ = 여기
ที่นั่น = 거기
ที่นู่น = 저기
ฝากศัพท์+ประโยคหวาน-เลี่ยน-เน่าไว้ให้ใช้กันวันวาเลนไทน์
여보 ยอ-โบ =ที่รัก
자기 ชา-กี =ตะเอง
내 사랑 แน-ซารัง =ที่รักของฉัน(ฟังดูเน่าแต่บางคนใช้จริงๆนะ)
사랑해 ซา-รัง-แฮ =รักนะ
사랑해 자기야 ซา-รัง-แฮ ชา-กี-ยา =รักนะตัวเอง
무진짱 사랑해 มู-จิน-จัง ซา-รัง-แฮ =รักมากๆ
보고 싶어 โพ-โก ชิบ-พอ =คิดถึง / อยากเจอ
그리워해 คือ-รี-วอ-แฮ =คิดถึง
날 보고 싶어? นัล โพ-โก ชิบ-พ้อ? =คิดถึงฉันมั้ย?
뽀뽀 줘 โป๊โ-ป๊ ชวอ =ขอหอมหน่อย
존 꿈 꿔 (좋은 꿈 꿔요) ชน กุ๊ม กวอ =ฝันดีนะ
잘 자 ชัลชา =ฝันดี
초코렛 받았어? โชะ-โกะ-เร็ต พา-ดัซ-ซ้อ ? ได้รับช้อคโกแล็ตมั้ย?
จะแต่งประโยคได้ก้อจะต้องรู้คำศัพท์ซะก่อน บทนี้จะว่าด้วยเรื่องคำสรรพนามในภาษาเกาหลีค่า
บุรุษที่1
ฉัน = 나 / 저
เรา = 우리 / 우리들
บุรุษที่2
เธอ = 너 / 당신
คุณ... = ...씨 / ...님 / ...선생님 (คำเหล่านี้เมือต่อท้ายชื่อจะเป็นการให้เกียรติ เหมือนมีคำว่า"คุณ" อยู่ข้างหน้า)
บุรุษที่3
เขา = 그는
ท่าน = 분
ท่านนี้ = 이 분
ท่านนั้น = 그 분
ท่านนู้น = 저 분
ท่านเหล่านี้ = 이 분들
ท่านเหล่านั้น = 그 분들
ท่านเหล่านู้น = 저 분들
ผู้ชายคนนี้ = 이 남자
ผู้ชายคนนั้น = 그 남자
ผู้ชายคนนู้น = 저 남자
ผู้หญิงคนนี้ = 이 여자
ผู้หญิงคนนั้น = 그 여자
ผู้หญิงคนนู้น = 저 여자
สิ่งนี้ = 이것
สิ่งนั้น = 그것
สิ่งนู้น = 저것
ที่นี่ = 여기
ที่นั่น = 거기
ที่นู่น = 저기
ฝากศัพท์+ประโยคหวาน-เลี่ยน-เน่าไว้ให้ใช้กันวันวาเลนไทน์
여보 ยอ-โบ =ที่รัก
자기 ชา-กี =ตะเอง
내 사랑 แน-ซารัง =ที่รักของฉัน(ฟังดูเน่าแต่บางคนใช้จริงๆนะ)
사랑해 ซา-รัง-แฮ =รักนะ
사랑해 자기야 ซา-รัง-แฮ ชา-กี-ยา =รักนะตัวเอง
무진짱 사랑해 มู-จิน-จัง ซา-รัง-แฮ =รักมากๆ
보고 싶어 โพ-โก ชิบ-พอ =คิดถึง / อยากเจอ
그리워해 คือ-รี-วอ-แฮ =คิดถึง
날 보고 싶어? นัล โพ-โก ชิบ-พ้อ? =คิดถึงฉันมั้ย?
뽀뽀 줘 โป๊โ-ป๊ ชวอ =ขอหอมหน่อย
존 꿈 꿔 (좋은 꿈 꿔요) ชน กุ๊ม กวอ =ฝันดีนะ
잘 자 ชัลชา =ฝันดี
초코렛 받았어? โชะ-โกะ-เร็ต พา-ดัซ-ซ้อ ? ได้รับช้อคโกแล็ตมั้ย?
บทที่5. โครงสร้างประโยคภาษาเกาหลี
บทที่5. โครงสร้างประโยคภาษาเกาหลี
อ่า...เริ่มเข้าสู่เรื่องของแกรมม่ากันแล้ว ในช่วงนี้คงจะเอาแบบง่ายๆเท่าที่จำเป็นก่อนนะคะ แล้วค่อยขยับขยายไปเรื่อยๆละกัน ในบทนี้ขอเริ่มพูดถึงโครงสร้างประโยคในภาษาเกาหลีก่อนเลยนะเคอะ ตั้งสติแล้วออกสตาร์ทกันเลยค่ะ
ประโยคเกาหลีมีโครงสร้างดังนี้ค่ะ
ประธาน กรรม กริยา
เช่น ถ้าจะบอกว่า ฉันกินข้าว ในภาษาเกาหลีก็จะต้องเรียงว่า ฉัน ข้าว กิน
และในภาษาเกาหลีนั้น
- คำที่เป็นประธานจะต้องมีคำชี้ประธานตามหลัง ถ้าประธานมีตัวสะกดให้ใช้은 ถ้าประธานไม่มีตัวสะกดให้ใช้는
- คำที่เป็นกรรม จะต้องมีคำชี้กรรมตามหลัง ถ้ากรรมมีตัวสะกดให้ใช้을 ถ้ากรรมไม่มีตัวสะกดให้ใช้를
-จากโครงสร้างประโยคที่มีการบังคับให้คำกริยาอยู่ท้ายประโยคนั้น ทำให้เราจะต้องมีการผันกริยาก่อนนำมาใช้ เพื่อให้เกิดความสุภาพและสื่อความหมายต่างๆให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็น บอกเล่า ชักชวน ห้าม ถาม เชิญ คาดเดา บอกอดีต บอกอนาคต ฯลฯ
อ่า...เริ่มเข้าสู่เรื่องของแกรมม่ากันแล้ว ในช่วงนี้คงจะเอาแบบง่ายๆเท่าที่จำเป็นก่อนนะคะ แล้วค่อยขยับขยายไปเรื่อยๆละกัน ในบทนี้ขอเริ่มพูดถึงโครงสร้างประโยคในภาษาเกาหลีก่อนเลยนะเคอะ ตั้งสติแล้วออกสตาร์ทกันเลยค่ะ
ประโยคเกาหลีมีโครงสร้างดังนี้ค่ะ
ประธาน กรรม กริยา
เช่น ถ้าจะบอกว่า ฉันกินข้าว ในภาษาเกาหลีก็จะต้องเรียงว่า ฉัน ข้าว กิน
และในภาษาเกาหลีนั้น
- คำที่เป็นประธานจะต้องมีคำชี้ประธานตามหลัง ถ้าประธานมีตัวสะกดให้ใช้은 ถ้าประธานไม่มีตัวสะกดให้ใช้는
- คำที่เป็นกรรม จะต้องมีคำชี้กรรมตามหลัง ถ้ากรรมมีตัวสะกดให้ใช้을 ถ้ากรรมไม่มีตัวสะกดให้ใช้를
-จากโครงสร้างประโยคที่มีการบังคับให้คำกริยาอยู่ท้ายประโยคนั้น ทำให้เราจะต้องมีการผันกริยาก่อนนำมาใช้ เพื่อให้เกิดความสุภาพและสื่อความหมายต่างๆให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็น บอกเล่า ชักชวน ห้าม ถาม เชิญ คาดเดา บอกอดีต บอกอนาคต ฯลฯ
บทที่4. ประสมคำและหัดอ่าน
บทที่4. ประสมคำและหัดอ่าน
เมื่อเรารู้จัก สระ พยัญชนะ และตัวสะกดแล้ว ก็มาลองประสมคำกันดีกว่า
พยางค์หนึ่งๆของภาษาเกาหลีนั้นมีส่วนประกอบคือ
พยัญชนะต้น + สระ + ตัวสะกด (อาจไม่มีก็ได้)
แค่นี้เองอ่ะค่ะ การันต์ วรรณยุกต์ไม่ต้องมีให้ปวดหัวเหมือนภาษาไทยเลย มาลองหัดอ่านคำง่ายๆกันดูดีกว่า
เอาแบบไม่มีตัวสะกดก่อน
오빠 โอ-ปา (พี่ชาย)
우리 อู-รี (พวกเรา)
바지 พา-จี (กางเกง)
치마 ชี้-มา (กระโปรง)
구두 คู-ดู (รองเท้า)
모기 โม-กี (ยุง)
개미 แค-มี (มด)
코꼬리 โค-โก-รี (ช้าง)
미소 มี-โซ (ยิ้ม)
바나나 พา-นา-นา (กล้วยงัยคะ ทับศัพท์)
사과 ซา-กวา (แอปเปิ้ล)
과자 ควา-จา (ขนม)
우유 อู-ยู (นม)
아이 อา-อี (เด็ก)
바보 พา-โบ (ไอบร้า)
누구 นู-กู (ใคร)
왜 แว (ทำไม)
어디 ออ-ดี (ที่ไหน)
뭐 มวอ (อะไร)
가게 คา-เก (ร้านค้า)
시계 ชี-กเย (นาฬิกา)
의자 อึย-จา (เก้าอี้)
의사 อึย-ซา (หมอ)
바다 พา-ดา (ทะเล)
머리 มอ-รี (ศีรษะ)
소고기 โซ-โก-กี (เนื้อ)
돼지 แทว-จี (หมู)
오리 โอ-รี (เป็ด)
แบบมีตัวสะกด เอาจากง่ายๆไปยากๆนะ
눈 นุน (ตา/หิมะ)
입 อิบ (ปาก)
손 ซน (มือ)
술 ซุล (เหล้า)
맥주 แมก-จู (เบียร์)
마음 มา-อึม (ใจ)
하늘 ฮา-นึล (ท้องฟ้า)
그림 คือ-ริม (ภาพ)
태국 แท-กุก (ประเทศไทย)
한국 ฮัน-กุก (ประเทศเกาหลี)
중국 ชุง-กุก (ประเทศจีน)
공항 คง-ฮัง (สนามบิน)
여권 ยอ-กวอน (พาสปอร์ต)
약속 หยัก-สก (นัดหมาย/สัญญา)
김치 คิม-ชี่ (กิมจิ)
엄마 ออม-มา (แม่)
애인 แอ-อิน (แฟน)
남자 นัม-จา (ผู้ชาย)
여자 ยอ-จา (ผู้หญิง)
친구 ชิน-กู (เพื่อน)
ถ้าเราอ่านได้แล้วเราสามารถ...
1. อ่านชื่อดารา-นักร้อง-ชื่อหนัง-ร้องเพลงได้ถ้ามีเนื้อเกาหลี แบบว่าความหมายยังไม่รู้ไม่เป็นไร (สำหรับคนที่ชอบวงการบันเทิงเกาหลี)
2. อ่านเว็บเกาหลีเพื่อดูหรือสั่งซื้อเครื่องสำอางค์เกาหลี (สำหรับสาวๆที่ชอบเรื่องความงาม ขอบอกว่าเครื่องสำอางค์ที่เกาหลีถูกมั่กๆ ควรค่าแก่การฝากซื้ออย่างยิ่ง)
http://www.etude.co.kr/productstory/product_ls.jsp?brandCd=113187&no2=2&ct=1&no3=0
3. เล่นเกมส์และอ่านเว็บเกมส์เกาหลีได้ รู้จักอาชีพ และสกิลใหม่ๆก่อนใคร (สำหรับคนชอบเล่นเกมส์)
http://www.ragnarok.in.kr
ลิ้งค์ที่ให้มานี้เป็นตัวอย่างเว็บที่เราสามารถอ่านและแปลได้ทันที เพราะว่าเป็นคำทับศัพท์ทั้งนั้นเลย
ตัวอย่างเช่น
페이스 메이크업 เฟ-อี-ซือ เม-อี-คือ-ออบ (Face Make up)
아이 메이크업 อา-อี เม-อี-คือ-ออบ = ..............
립 메이크업 ลิบ เม-อี-คือ-ออบ = ..............
네일케어 เน-อิล เค-ออ = ..............
메이크업 세트 เม-อี-คือ-ออบ เซ-ทือ = ..............
เมื่อเรารู้จัก สระ พยัญชนะ และตัวสะกดแล้ว ก็มาลองประสมคำกันดีกว่า
พยางค์หนึ่งๆของภาษาเกาหลีนั้นมีส่วนประกอบคือ
พยัญชนะต้น + สระ + ตัวสะกด (อาจไม่มีก็ได้)
แค่นี้เองอ่ะค่ะ การันต์ วรรณยุกต์ไม่ต้องมีให้ปวดหัวเหมือนภาษาไทยเลย มาลองหัดอ่านคำง่ายๆกันดูดีกว่า
เอาแบบไม่มีตัวสะกดก่อน
오빠 โอ-ปา (พี่ชาย)
우리 อู-รี (พวกเรา)
바지 พา-จี (กางเกง)
치마 ชี้-มา (กระโปรง)
구두 คู-ดู (รองเท้า)
모기 โม-กี (ยุง)
개미 แค-มี (มด)
코꼬리 โค-โก-รี (ช้าง)
미소 มี-โซ (ยิ้ม)
바나나 พา-นา-นา (กล้วยงัยคะ ทับศัพท์)
사과 ซา-กวา (แอปเปิ้ล)
과자 ควา-จา (ขนม)
우유 อู-ยู (นม)
아이 อา-อี (เด็ก)
바보 พา-โบ (ไอบร้า)
누구 นู-กู (ใคร)
왜 แว (ทำไม)
어디 ออ-ดี (ที่ไหน)
뭐 มวอ (อะไร)
가게 คา-เก (ร้านค้า)
시계 ชี-กเย (นาฬิกา)
의자 อึย-จา (เก้าอี้)
의사 อึย-ซา (หมอ)
바다 พา-ดา (ทะเล)
머리 มอ-รี (ศีรษะ)
소고기 โซ-โก-กี (เนื้อ)
돼지 แทว-จี (หมู)
오리 โอ-รี (เป็ด)
แบบมีตัวสะกด เอาจากง่ายๆไปยากๆนะ
눈 นุน (ตา/หิมะ)
입 อิบ (ปาก)
손 ซน (มือ)
술 ซุล (เหล้า)
맥주 แมก-จู (เบียร์)
마음 มา-อึม (ใจ)
하늘 ฮา-นึล (ท้องฟ้า)
그림 คือ-ริม (ภาพ)
태국 แท-กุก (ประเทศไทย)
한국 ฮัน-กุก (ประเทศเกาหลี)
중국 ชุง-กุก (ประเทศจีน)
공항 คง-ฮัง (สนามบิน)
여권 ยอ-กวอน (พาสปอร์ต)
약속 หยัก-สก (นัดหมาย/สัญญา)
김치 คิม-ชี่ (กิมจิ)
엄마 ออม-มา (แม่)
애인 แอ-อิน (แฟน)
남자 นัม-จา (ผู้ชาย)
여자 ยอ-จา (ผู้หญิง)
친구 ชิน-กู (เพื่อน)
ถ้าเราอ่านได้แล้วเราสามารถ...
1. อ่านชื่อดารา-นักร้อง-ชื่อหนัง-ร้องเพลงได้ถ้ามีเนื้อเกาหลี แบบว่าความหมายยังไม่รู้ไม่เป็นไร (สำหรับคนที่ชอบวงการบันเทิงเกาหลี)
2. อ่านเว็บเกาหลีเพื่อดูหรือสั่งซื้อเครื่องสำอางค์เกาหลี (สำหรับสาวๆที่ชอบเรื่องความงาม ขอบอกว่าเครื่องสำอางค์ที่เกาหลีถูกมั่กๆ ควรค่าแก่การฝากซื้ออย่างยิ่ง)
http://www.etude.co.kr/productstory/product_ls.jsp?brandCd=113187&no2=2&ct=1&no3=0
3. เล่นเกมส์และอ่านเว็บเกมส์เกาหลีได้ รู้จักอาชีพ และสกิลใหม่ๆก่อนใคร (สำหรับคนชอบเล่นเกมส์)
http://www.ragnarok.in.kr
ลิ้งค์ที่ให้มานี้เป็นตัวอย่างเว็บที่เราสามารถอ่านและแปลได้ทันที เพราะว่าเป็นคำทับศัพท์ทั้งนั้นเลย
ตัวอย่างเช่น
페이스 메이크업 เฟ-อี-ซือ เม-อี-คือ-ออบ (Face Make up)
아이 메이크업 อา-อี เม-อี-คือ-ออบ = ..............
립 메이크업 ลิบ เม-อี-คือ-ออบ = ..............
네일케어 เน-อิล เค-ออ = ..............
메이크업 세트 เม-อี-คือ-ออบ เซ-ทือ = ..............
บทที่3. ตัวสะกด
บทที่3. ตัวสะกด
ตัวสะกดในภาษาเกาหลี เวลาเขียนจะอยู่ด้านล่างเสมอนะคะ ส่วนอะไรเป็นอะไรบ้างนั้น เดี๋ยวจะเปรียบเทียบกับแม่ตัวสะกดของไทยให้ดูกันเลย
แม่ กก ได้แก่ ㄱ,ㄲ,ㅋ,ㄳ,ㄺ
แม่ กน ได้แก่ ㄴ, ㄵ , ㄶ
แม่ กล ได้แก่ ㄹ,ㄼ,ㄾ,ㅀ
แม่ กบ ได้แก่ ㅂ,ㅍ,ㅄ,ㄿ
แม่ กม ได้แก่ ㅁ,ㄻ
แม่ กง ได้แก่ ㅇ
แม่ กด ได้แก ㄷ,ㅌ,ㅅ,ㅆ,ㅈ,ㅊ,ㅎ
ตัวสะกดที่มี2ตัว เค้าเรียกตัวสะกดซ้อน เห็นแล้วไม่ต้องตกใจนะจ๊ะ มันก็ออกเสียงตัวเดียวน่ะแหละ แต่ที่ต้องมีซ้อนบ้างก็คงเป็นเพราะตัวอักษรเค้ามีน้อย เลยมีตัวสะกดซ้อน เพื่อที่คำจะได้ไม่เขียนเหมือนกันมากเกินไปนั่นเอง
สำหรับตำแหน่งของพยัญชนะสะกด คือ กึ่งกลางด้านล่างของพยัญชนะต้นและสระ
ตัวอย่าง (ลองหัดอ่านไปด้วยนะ)
แม่กก: 새벽 저녁 떡 학교 태국
แม่กน: 핸드폰 신문 만나다 전화
แม่กด: 얻다 웃다 낮 빛 끝
แม่กล: 하늘 마을 빨래 빨리 알다
แม่กม: 밤 담배 음악 음식 김치
แม่กบ: 밥 앞 숲 입 깊다
แม่กง: 방 공항 양파 동생
ตัวสะกดในภาษาเกาหลี เวลาเขียนจะอยู่ด้านล่างเสมอนะคะ ส่วนอะไรเป็นอะไรบ้างนั้น เดี๋ยวจะเปรียบเทียบกับแม่ตัวสะกดของไทยให้ดูกันเลย
แม่ กก ได้แก่ ㄱ,ㄲ,ㅋ,ㄳ,ㄺ
แม่ กน ได้แก่ ㄴ, ㄵ , ㄶ
แม่ กล ได้แก่ ㄹ,ㄼ,ㄾ,ㅀ
แม่ กบ ได้แก่ ㅂ,ㅍ,ㅄ,ㄿ
แม่ กม ได้แก่ ㅁ,ㄻ
แม่ กง ได้แก่ ㅇ
แม่ กด ได้แก ㄷ,ㅌ,ㅅ,ㅆ,ㅈ,ㅊ,ㅎ
ตัวสะกดที่มี2ตัว เค้าเรียกตัวสะกดซ้อน เห็นแล้วไม่ต้องตกใจนะจ๊ะ มันก็ออกเสียงตัวเดียวน่ะแหละ แต่ที่ต้องมีซ้อนบ้างก็คงเป็นเพราะตัวอักษรเค้ามีน้อย เลยมีตัวสะกดซ้อน เพื่อที่คำจะได้ไม่เขียนเหมือนกันมากเกินไปนั่นเอง
สำหรับตำแหน่งของพยัญชนะสะกด คือ กึ่งกลางด้านล่างของพยัญชนะต้นและสระ
ตัวอย่าง (ลองหัดอ่านไปด้วยนะ)
แม่กก: 새벽 저녁 떡 학교 태국
แม่กน: 핸드폰 신문 만나다 전화
แม่กด: 얻다 웃다 낮 빛 끝
แม่กล: 하늘 마을 빨래 빨리 알다
แม่กม: 밤 담배 음악 음식 김치
แม่กบ: 밥 앞 숲 입 깊다
แม่กง: 방 공항 양파 동생
บทที่2. สระเกาหลี
บทที่2. สระเกาหลี
มาถึงสระนะคะ เริ่มจากสระเดี่ยวกันก่อน ยังไม่ยากนะคะ จำทีละคู่ค่ะ นักเรียนชอบถามว่าทำยังงัยถึงจะจำได้? คำตอบก็คือมือคัดแล้วปากก็ท่องไปด้วย ขยันคัดและท่องนะคะไม่ยากเกินความสามารถแน่นอนค่ะ Let's gO!
อ่อ ในวงเล็บคือตำแหน่งของสระ โดยดูจากพยัญชนะเป็นหลักนะคะ อย่างเช่นถ้าวงเล็บว่าด้านขวา ก็หมายความว่าเราจะเขียนสระตัวนั้นไว้ด้านขวาของพยัญชนะค่ะ
ㅏ อา (ด้านขวา) 하자! = ฮาจา! แปลว่า สู้ๆ
ㅑ ยา (ด้านขวา) 야
ㅓ ออ (ด้านขวา) 머머
ㅕ ยอ (ด้านขวา) 여
ㅗ โอ (ด้านล่าง) 코
ㅛ โย (ด้านล่าง) 요
ㅜ อู (ด้านล่าง) 구두
ㅠ ยู (ด้านล่าง) 휴
ㅡ อือ (ด้านล่าง) 으
ㅣ อี (ด้านขวา) 피
ยังไม่หมดนะจ๊ะ ยังมีสระประสมอีก
4ตัวแรกก่อน ง่ายๆ
ㅐ แอ (ด้านขวา) 개 อ่าน แค
ㅒ แอ (ด้านขวา) 걔 อ่าน คแย
ㅔ เอ (ด้านขวา) 게 อ่าน เค
ㅖ เย (ด้านขวา) 계 อ่าน คเย
ต่อไปเป็นสระประสมที่ยากขึ้นนะคะ แต่จะจัดกลุ่มให้จำง่ายๆค่ะ ไปกันเลย
ㅗ+ㅏ = ㅘ (วา) 과 อ่าน ควา
ㅗ+ㅐ = ㅙ (แว) 괘 อ่าน แคว
ㅗ+ㅣ = ㅚ (เว) 괴 อ่าน เคว
ㅜ+ㅓ = ㅝ (วอ) 궈 อ่าน ควอ
ㅜ+ㅔ = ㅞ (อุเว) 궤 อ่าน คุเว
ㅜ+ㅣ = ㅟ (วี) 귀 อ่าน ควี
ㅡ+ㅣ = ㅢ (อึย) 의 อ่าน อึย
มาถึงสระนะคะ เริ่มจากสระเดี่ยวกันก่อน ยังไม่ยากนะคะ จำทีละคู่ค่ะ นักเรียนชอบถามว่าทำยังงัยถึงจะจำได้? คำตอบก็คือมือคัดแล้วปากก็ท่องไปด้วย ขยันคัดและท่องนะคะไม่ยากเกินความสามารถแน่นอนค่ะ Let's gO!
อ่อ ในวงเล็บคือตำแหน่งของสระ โดยดูจากพยัญชนะเป็นหลักนะคะ อย่างเช่นถ้าวงเล็บว่าด้านขวา ก็หมายความว่าเราจะเขียนสระตัวนั้นไว้ด้านขวาของพยัญชนะค่ะ
ㅏ อา (ด้านขวา) 하자! = ฮาจา! แปลว่า สู้ๆ
ㅑ ยา (ด้านขวา) 야
ㅓ ออ (ด้านขวา) 머머
ㅕ ยอ (ด้านขวา) 여
ㅗ โอ (ด้านล่าง) 코
ㅛ โย (ด้านล่าง) 요
ㅜ อู (ด้านล่าง) 구두
ㅠ ยู (ด้านล่าง) 휴
ㅡ อือ (ด้านล่าง) 으
ㅣ อี (ด้านขวา) 피
ยังไม่หมดนะจ๊ะ ยังมีสระประสมอีก
4ตัวแรกก่อน ง่ายๆ
ㅐ แอ (ด้านขวา) 개 อ่าน แค
ㅒ แอ (ด้านขวา) 걔 อ่าน คแย
ㅔ เอ (ด้านขวา) 게 อ่าน เค
ㅖ เย (ด้านขวา) 계 อ่าน คเย
ต่อไปเป็นสระประสมที่ยากขึ้นนะคะ แต่จะจัดกลุ่มให้จำง่ายๆค่ะ ไปกันเลย
ㅗ+ㅏ = ㅘ (วา) 과 อ่าน ควา
ㅗ+ㅐ = ㅙ (แว) 괘 อ่าน แคว
ㅗ+ㅣ = ㅚ (เว) 괴 อ่าน เคว
ㅜ+ㅓ = ㅝ (วอ) 궈 อ่าน ควอ
ㅜ+ㅔ = ㅞ (อุเว) 궤 อ่าน คุเว
ㅜ+ㅣ = ㅟ (วี) 귀 อ่าน ควี
ㅡ+ㅣ = ㅢ (อึย) 의 อ่าน อึย
บทที่1. พยัญชนะเกาหลี
บทที่1. พยัญชนะเกาหลี
บทแรกนี้ขอพูดถึงพยัญชนะในภาษาเกาหลีกันก่อน ไม่ยากเลย น้อยกว่าภาษาไทยเราตั้งเยอะ หลักการเขียนก็ลากเส้นจากซ้ายไปขวา บนลงล่าง ง้ายง่าย มาดูกันเลย
ㄱ (คียอก) = ค,ก
[ถ้าเป็นพยางค์แรกของคำจะเป็นเสียง ค ถ้าเป็นพยางค์หลังจะออกเสียง ก]
ㄴ (นีอึน) = น
ㄷ (ทีกึด) = ท,ด
[ถ้าเป็นพยางค์แรกของคำจะเป็นเสียง ท ถ้าเป็นพยางค์หลังจะออกเสียง ด]
ㄹ (รีอึล) = ร,ล
ㅁ (มีอึม) = ม
ㅂ (พีอึบ) = พ,บ
[ถ้าเป็นพยางค์แรกของคำจะเป็นเสียง พ ถ้าเป็นพยางค์หลังจะออกเสียง บ]
ㅅ (ซีอด) = ซ,ช
ㅇ (อิอึง) = ไม่มีเสียง เมื่ออยู่กับสระตัวไหนจะออก เป็นเสียงสระนั้นๆ
ㅈ (ชีอึจ) = ช,จ
[ถ้าเป็นพยางค์แรกของคำจะเป็นเสียง ช ถ้าเป็นพยางค์หลังจะออกเสียง จ]
ㅊ (ชี้อึจ) = ช เสียงหนัก
ㅋ (คี้อึก) = ค เสียงหนัก
ㅌ (ที้อึด) = ท เสียงหนัก
ㅎ (ฮีอึด) = ฮ
ㄲ (ซังกียอก) = ก
ㄸ (ซังดีกึด) = ต
ㅃ (ซังบีอึบ) = ป
ㅆ (ซังซีอด) = ซ,ช
ㅉ (ซังจีอึด) = จ
บทแรกนี้ขอพูดถึงพยัญชนะในภาษาเกาหลีกันก่อน ไม่ยากเลย น้อยกว่าภาษาไทยเราตั้งเยอะ หลักการเขียนก็ลากเส้นจากซ้ายไปขวา บนลงล่าง ง้ายง่าย มาดูกันเลย
ㄱ (คียอก) = ค,ก
[ถ้าเป็นพยางค์แรกของคำจะเป็นเสียง ค ถ้าเป็นพยางค์หลังจะออกเสียง ก]
ㄴ (นีอึน) = น
ㄷ (ทีกึด) = ท,ด
[ถ้าเป็นพยางค์แรกของคำจะเป็นเสียง ท ถ้าเป็นพยางค์หลังจะออกเสียง ด]
ㄹ (รีอึล) = ร,ล
ㅁ (มีอึม) = ม
ㅂ (พีอึบ) = พ,บ
[ถ้าเป็นพยางค์แรกของคำจะเป็นเสียง พ ถ้าเป็นพยางค์หลังจะออกเสียง บ]
ㅅ (ซีอด) = ซ,ช
ㅇ (อิอึง) = ไม่มีเสียง เมื่ออยู่กับสระตัวไหนจะออก เป็นเสียงสระนั้นๆ
ㅈ (ชีอึจ) = ช,จ
[ถ้าเป็นพยางค์แรกของคำจะเป็นเสียง ช ถ้าเป็นพยางค์หลังจะออกเสียง จ]
ㅊ (ชี้อึจ) = ช เสียงหนัก
ㅋ (คี้อึก) = ค เสียงหนัก
ㅌ (ที้อึด) = ท เสียงหนัก
ㅎ (ฮีอึด) = ฮ
ㄲ (ซังกียอก) = ก
ㄸ (ซังดีกึด) = ต
ㅃ (ซังบีอึบ) = ป
ㅆ (ซังซีอด) = ซ,ช
ㅉ (ซังจีอึด) = จ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)