บทที่ 10. แกรมม่าในเพลงเกาหลี (Never say goodbye)
วันนี้หยิบ My Girl-Ost มานะคะ เครดิตจาก http://www.popcornfor2.com/music/k_s_mygirl2.php
เราจะมาดูเฉพาะท่อนฮุคตรงที่ผู้หญิงร้องค่ะ (ท่อนแร็พยังร้องไม่ทัน และถ้าบรรยายทั้งเพลงอาจจะใช้เวลาหลายวันเลยทีเดียว)
if you go away
you will see me cry
don't you let me go
baby don't you let me down
늘 함께 있어도 더 가깝지 않은
นึล ฮัม-เก อิด-ซอ-โด ทอ กา-คับ-จี อัน-ฮึน
어떤 의미도 없는 진부한 사랑
ออ-ทอน อึย-มี-โด ออป-นึน จิน-พู-ฮัน ซา-รัง
don't you let me go
baby don't you let me down
you never say good bye
한동안 멍하니 우두커니 앉아
ฮัน-โด-งัน มอง-ฮา-นี อู-ทู-คอ-นี อัน-จา
다시 생각했지만
ทา-ซี เซง-คัก-เฮด-จี-มัน
멈출 순 없겠어
มอม-ชุล ซุน ออป-เกด-ซอ
온통 그대 생각 할 수밖에 없는
อน-ทง คือ-เท เซง-กัก ฮัล ซู-พัก-เก ออป-นึน
내 자신이 미워
เน จา-ซี-นี มี-วอ
don't you let me go
baby don't you let me down
นับแล้วมี 7 ประโยคเอง มาดูกันเลยค่ะ
ประโยคที่1
늘 함께 있어도 더 가깝지 않은
แม้ว่าอยู่ด้วยกันเสมอก็ไม่ใกล้ไปกว่านี้
อธิบาย
늘 = เสมอ เป็นประจำ
함께 = ด้วยกัน
있어도 = 있다 (มี/อยู่) ผันแบบ 요 form แล้วเข้าแกรมม่า ...도 (เวลาเอาไปเข้าแกรมม่าเพื่อเชื่อมประโยคก็จะเอา요 ออกไปแล้วเอาตัวเชื่อมมาวางตรงกลาง)
แกรมม่า 도
โดยปกติแล้ว 도 จะแปลว่าด้วย ใช้ตามหลังนามเพื่ออิงประโยคก่อนหน้าว่า ...ด้วย(เหมือนกัน) อธิบายอย่างงี้งงมั้ย ดูตัวอย่างประโยคดีกว่าค่ะ
나는 영어를 좋아해요. ฉันชอบภาษาอังกฤษ
한국어도 좋아해요. (และฉันก็)ชอบภาษาเกาหลีด้วย
***แต่คำว่า도 ในประโยคนี้ไม่ได้แปลว่าด้วยนะคะ ถ้าอยู่กลางประโยค (ตามหลังกริยา) แบบนี้จะแปลได้ว่า ถึงแม้ว่า(ประโยคหน้า)ก็(ประโยคหลัง)
ถึงแม้ว่า (ประโยคหน้า = อยู่ด้วยกันเสมอ) ก็ (ประโยคหลัง = ไม่ใกล้กันมากไปกว่านี้)
더 가깝지 않은
ไม่ใกล้มากไปกว่านี้
더 = กว่า
가깝다 = ใกล้
Vst+지 않다 = ปฏิเสธกริยา แปลว่า ไม่V.นั้นๆ
ตัวอย่าง แกรมม่า - 지 않다
가깝지 않다 = ไม่ใกล้ (가깝다=ใกล้)
예쁘지 않다 = ไม่สวย (예쁘다=สวย)
말하지 않다 = ไม่พูด (말하다=พูด)
ประโยคที่2
어떤 의미도 없는 진부한 사랑
รักเก่าเก็บที่ไม่มีความหมายอะไร
어떤 = ใด ไหน อะไร
의미 = ความหมาย
어떤 의미 = ความหมายใดๆ
진부하다 = เก่าแก่ เก่าเก็บ คร่ำครึ ล้าสมัย
사랑 = ความรัก
진부한 사랑 = ความรักเก่าๆแก่ๆ
ตรง진부하다 ที่กลายมาเป็น 진부한 นั่นคือการเปลี่ยน V. ให้กลายเป็น Adj/Adv
วิธีทำ V ให้กลายเป็น adj/adv ในลักษณะนี้คือ เอาVst. มาเติมㄴเป็นตัวสะกด แล้ววางไว้หน้านามที่เราจะขยาย
ประโยคที่3
한동안 멍하니 우두커니 앉아
นั่งใจลอยๆอยู่พักนึง
อธิบาย
한동안 = ช่วงเวลาหนึ่ง ระยะเวลาสั้นๆ
(한=หนึ่ง/동안=ช่วงเวลา)
멍하니= ใจลอย
어두커니 = ใจลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เคลิ้ม
앉아 = นั่ง (มาจาก V.앉다 นำมาผันแบบ 요form แล้วเอา요ออกเพื่อต่อประโยคค่ะ)
ประโยคที่4
다시 생각했지만
คิดอีกครั้ง แต่ก็...
อธิบาย
다시 = อีกครั้ง
생각하다 = คิด
그렇지만 = แต่ว่า
ในประโยคนี้นำ 생각하다 มาผันให้อยู่ในรูปอดีต(ยังไม่ได้สอน) จะได้เป็น 생각했다 ตัด 다 ทิ้งไปเพื่อใส่คำเชื่อม 지만 (แต่)
คำว่า 그렇지만 (แต่) เป็นคำเต็มๆ ถ้าจะใช้คือเอาไว้ขึ้นประโยคใหม่ แต่ถ้าจะเอามาเชื่อมตรงกลางให้มันขัดแย้งกันก้อเอาแค่คำว่า지만 มาใช้แบบในเพลงนะคะ
ประโยคที่5
멈출 순 없겠어
มันก็หยุดไม่ได้
อธิบาย
멈추다 = หยุด ชะงัก หยุดยั้ง
ประโยคนี้มีศัพท์อยู่คำเดียวนี่แหละค่ะ นำมาใส่แกรมม่านี้
Vst.+ㄹ/을 수 있다 = สามารถที่จะทำV.นั้นได้
Vst.+ㄹ/을 수 없다 = ไม่สามารถที่จะทำV.นั้นได้
วิธีการใช้แกรมม่านี้ก็คือ
1.ดูว่าVst.มีตัวสะกดหรือไม่ ถ้าไม่มี ใส่ㄹ เป็นตัวสะกด แล้วตามด้วย 수 없다หรือ있다 ก็ว่าไป เช่นจากในเพลงนี้
멈추(ไม่มีตัวสะกด) ใส่ㄹ 수 없다= 멈출 수 없다 = ไม่สามารถที่จะหยุด
2.ถ้าVst.มีตัวสะกด ให้ใส่ 을 수 있다/없다 ตัวอย่างนะคะ
먹다 (กิน) Vst คือ 먹 มีตัวสะกดแบบนี้ให้ใส่을 수있다
먹+을 수 있다 = 막을 수 있다 = สามารถกินได้
อีกนิดสำหรับประโยคนี้ เค้าจบประโยคด้วย 없겠어 เป็นการลงท้ายประโยคในรูปอนาคตโดยการเติม 겠 ค่ะ (ยังไม่ได้สอน)
ประโยคที่6
온통 그대 생각 할 수 밖에 없는
ทั้งหมดที่ทำได้ก็เพียงคิดเรื่องเธอเท่านั้น
อธิบาย
온통 = ทั้งหมด ทั้งสิ้นทั้งปวง โดยสิ้นเชิง
그대 = เธอ โดยมากใช้กะคนรัก
생각하다 = คิด
...밖에 없는 = เพียง...เท่านั้น
ประโยคที่7
내 자신이 미워
เกลียดตัวฉันเอง
อธิบาย
내 = ของฉัน (내/제(สุภาพกว่า) +คำนาม ก็จะแปลว่า นามนั้นของฉัน ใช้เหมือนคำว่า My)
자신 = ตัวเอง ตนเอง
미워 = เกลียด มาจาก V.밉다 มาผัน 요form
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น